Folk Literature Domain
Intellectual Cultural Heritage
53
ศรี
ธนญชั
ย
เป็
นวรรณกรรมพื้
นบ้
านประเภทนิ
ทานมุ
ขตลก
คนเจ้
าปั
ญญา และเป็
นวรรณกรรมมุ
ขปาฐะมาก่
อนที่
จะมี
การ
สร้
างสรรค์
เป็
นวรรณกรรมลายลั
กษณ์
ในรู
ปแบบของร้
อยกรองที่
แต่
งด้
วยคำ
�ประพั
นธ์
ประเภทกาพย์
และกลอนเสภา และรู
ปแบบ
ที่
เป็
นร้
อยแก้
ว
นิ
ทานศรี
ธนญชั
ยมี
มาแต่
โบราณ ไม่
ปรากฏหลั
กฐานเกี่
ยวกั
บ
ต้
นกำ
�เนิ
ด สมั
ยที่
แต่
ง และชื่
อผู้
แต่
ง วรรณกรรมเรื่
องนี้
มี
ชื่
อเสี
ยงเป็
นที่
รู้
จั
กกั
นอย่
างแพร่
หลายมากที่
สุ
ดเรื่
องหนึ่
ง
ในท้
องถิ่
นต่
างๆ ของไทยตราบถึ
งปั
จจุ
บั
น ภาคกลางและ
ภาคใต้
รู้
จั
กกั
นในชื่
อ “ศรี
ธนญชั
ย” ส่
วนภาคเหนื
อและ
ภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อรู้
จั
กกั
นในชื่
อ “เชี
ยงเมี่
ยง” แม้
นิ
ทาน
ศรี
ธนญชั
ยจะมี
หลายสำ
�นวน แต่
ก็
มี
ลั
กษณะร่
วมกั
นในด้
าน
โครงเรื่
อง คื
อ เป็
นเรื่
องราวชี
วิ
ตของชายผู้
หนึ่
งซึ่
งใช้
ปฏิ
ภาณ
ไหวพริ
บเอาตั
วรอดหรื
อแก้
ไขปั
ญหาต่
างๆ ให้
ผ่
านพ้
นไปได้
โดยลำ
�ดั
บ ตั้
งแต่
วั
ยเด็
กจนสิ้
นอายุ
ขั
ย เหตุ
การณ์
แต่
ละตอน
มี
ลั
กษณะเป็
นเรื่
องสั้
นๆ ซึ่
งสามารถหยิ
บยกมาเล่
าแยกกั
นได้
วรรณกรรมเรื่
องนี้
แสดงให้
เห็
นภู
มิ
ปั
ญญาและพลั
งทาง
ปั
ญญาในการสร้
างสรรค์
อั
นกอปรด้
วยศิ
ลปะของการถ่
ายทอด
เรื่
องราวที่
ทำ
�ให้
เกิ
ดอารมณ์
ขั
น โดยแสดงความเจ้
าปั
ญญาของ
ตั
วเอกในลั
กษณะที่
คาดไม่
ถึ
ง หรื
อพลิ
กความคาดหมายได้
อย่
าง
ออกรส และแสดงพลั
งทางภาษาด้
วยการนำ
�เอาถ้
อยคำ
� สำ
�นวน
มาเล่
นคำ
� เล่
นความหมายได้
ตามความต้
องการ ซึ่
งนอกจากจะ
ใช้
ความเถรตรงแล้
ว ยั
งใช้
กลวิ
ธี
อื่
นๆ อี
ก เช่
น การใช้
กลอุ
บาย
การใช้
จิ
ตวิ
ทยา และการหาเหตุ
ผลโดยการเชื่
อมโยงสิ่
งต่
างๆ
ที่
ปกติ
ไม่
ค่
อยมี
ใครนำ
�มาสั
มพั
นธ์
กั
น หรื
อโดยการมองสิ่
งหนึ่
ง
สิ่
งใดไปในทิ
ศทางที่
ตรงกั
นข้
ามกั
บคนอื่
นมาแก้
ไขปั
ญหาหรื
อ
เอาตั
วรอดได้
เมื่
อพิ
นิ
จนิ
ทานศรี
ธนญชั
ยอย่
างลึ
กซึ้
งจะเห็
นได้
ว่
า ศิ
ลปะ
การสร้
างสรรค์
ดั
งกล่
าวทำ
�ให้
นิ
ทานศรี
ธนญชั
ย มิ
ได้
มี
คุ
ณค่
า
ด้
านการให้
ความบั
นเทิ
งหรื
อสนุ
กสนานเพลิ
ดเพลิ
นเท่
านั้
น
ศรี
ธนญชั
ย
แต่
ยั
งมี
คุ
ณค่
าที่
ให้
สาระด้
านความคิ
ดด้
วย กล่
าวคื
อ ได้
แฝง
แนวคิ
ดร่
วมหรื
อแนวคิ
ดที่
เป็
นสากลของมนุ
ษยชาติ
คื
อเรื่
อง
ความสำ
�คั
ญของการใช้
ปั
ญญา ปฏิ
ภาณไหวพริ
บ เรื่
องความ
ขั
ดแย้
งกั
บบุ
คคลและความขั
ดแย้
งกั
บค่
านิ
ยมของสั
งคม และเรื่
อง
“เสี
ยหน้
า” โดยได้
นำ
�สภาพแวดล้
อม สั
งคมและวั
ฒนธรรมไทย
มาสอดแทรกไว้
ในเนื้
อหาได้
อย่
างกลมกลื
น นอกจากนี้
ยั
งทำ
�ให้
ประจั
กษ์
ถึ
งสั
จธรรมเกี่
ยวกั
บความไม่
เที่
ยงที่
ว่
า ไม่
มี
ผู้
ใดจะครอง
ความเป็
นผู้
ชนะได้
ตลอดกาล และทำ
�ให้
ได้
คิ
ดว่
า ควรใช้
ปั
ญญา
ไปในทางสร้
างสรรค์
มิ
ใช่
ทำ
�ลาย
นิ
ทานศรี
ธนญชั
ยเป็
นที่
ชื่
นชอบของคนทั้
งหลายก็
เพราะ
สามารถทำ
�ให้
เกิ
ดอารมณ์
ร่
วมไปกั
บเรื่
องราวที่
อยู่
ในโลกสมมุ
ติ
ได้
อย่
างเต็
มที่
เสี
ยงหั
วเราะอั
นเกิ
ดจากความหฤหรรษ์
ในการ
ล้
อเลี
ยนเสี
ยดสี
บุ
คคล หรื
อกฎเกณฑ์
ที่
เคร่
งครั
ดในสั
งคมนั้
น
แสดงให้
เห็
นบทบาทของ “มุ
กตลก” ว่
าเป็
นทางออกที่
ช่
วย
ผ่
อนคลายหรื
อลดความตึ
งเครี
ยดของคนในสั
งคมได้
อย่
าง
แยบคาย นิ
ทานศรี
ธนญชั
ยจึ
งสะท้
อนให้
เห็
นภู
มิ
ปั
ญญาของ
ความคิ
ดสร้
างสรรค์
ที่
มี
คุ
ณค่
ายิ่
ง
ปั
จจุ
บั
น นิ
ทานศรี
ธนญชั
ย ยั
งเป็
นที่
รู้
จั
กกั
นอย่
างแพร่
หลาย
ในสั
งคมไทย และเป็
นที่
รู้
จั
กของชาวต่
างชาติ
ด้
วย เนื่
องจาก
ลั
กษณะ เ ด่
นของศรี
ธนญชั
ยคน เจ้
าปั
ญญา ทำ
� ใ ห้
เ กิ
ด
แรงบั
นดาลใจให้
มี
การนำ
�ไปสร้
างสรรค์
เป็
นงานศิ
ลปะในหลาย
รู
ปแบบ เช่
น จิ
ตรกรรมฝาผนั
ง ในพระวิ
หารวั
ดปทุ
มวนาราม
ราชวรวิ
หาร กรุ
งเทพมหานคร ภาพยนตร์
หนั
งสื
อการ์
ตู
น
ภาพยนตร์
การ์
ตู
น เป็
นต้
น