Page 100 - dcp7

Basic HTML Version

89
วงมั
งคละ
เรี
ยบเรี
ยงโดย รองศาสตราจารย์
ณรงค์
ชั
ย ปิ
ฎกรั
ชต์
วงมั
งคละ เรี
ยกอี
กชื่
อหนึ่
งว่
า “วงปี่
กลอง” เป็
นดนตรี
พิ
ธี
กรรมศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ที่
ใช้
เสี
ยงสื่
อสารและเพื
อความเป็
สิ
ริ
มงคล เดิ
มใช้
ประโคมในขบวนแห่
พระและใช้
ประโคมในงานมงคล แต่
ในปั
จจุ
บั
นใช้
ประโคมทั้
งในงานมงคล
งานอวมงคล นำ
�ขบวนแห่
และประกอบท่
าร่
ายรำ
วงมั
งคละมี
ประวั
ติ
สื
บทอดมาตั้
งแต่
สมั
ยสุ
โขทั
ยเป็
นราชธานี
จากข้
อมู
ลตำ
�นานพระพุ
ทธสิ
หิ
งค์
* กล่
าวไว้
ว่
“เมื
อครั
งที
พ่
อขุ
นศรี
อิ
นทราทิ
ตย์
เสด็
จเยื
อนเมื
องนครศรี
ธรรมราชทรงทราบจากพระเจ้
าจั
นทรภาณุ
(พระเจ้
าศิ
ริ
ธรรมนคร)
ว่
าที่
เมื
องลั
งกา ซึ่
งขณะนั้
นเป็
นเมื
องขึ้
นของนครศรี
ธรรมราชมี
พระพุ
ทธสิ
หิ
งค์
มี
พุ
ทธลั
กษณะงดงามมาก ทรงปรารถนา
ที่
จะได้
ไปประดิ
ษฐาน ณ เมื
องสุ
โขทั
ย จึ
งทรงเจรจาขอให้
พระเจ้
าจั
นทรภาณุ
จั
ดการให้
พระเจ้
าจั
นทรภาณุ
ทรงจั
ริ้
วขบวนนำ
�พระพุ
ทธสิ
หิ
งค์
ส่
งไปยั
งเมื
องสุ
โขทั
ย นอกจากนี้
ในรั
ชกาลพ่
อขุ
นรามคำ
�แหงมหาราช กษั
ตริ
ย์
พระองค์
ที่
ทรงกระทำ
�โอยทานแก่
มหาเถรสั
งฆราชปราชญ์
เรี
ยนจบปิ
ฎกไตร ที่
ลุ
แต่
เมื
องนครศรี
ธรรมราช” โดยความก็
คื
พระพุ
ทธศาสนาลั
ทธิ
ลั
งกาวงศ์
ในเมื
องสุ
โขทั
ยนั้
นได้
รั
บการเผยแผ่
มาจากเมื
องนครศรี
ธรรมราช
ในวั
ฒนธรรมของชาวลั
งกานั
บแต่
อดี
ต มี
วงมั
งคละเภรี
ประกอบด้
วย ปี่
ที่
มี
ปากลำ
�โพงลั
กษณะอย่
างเดี
ยวกั
บปี่
ชวา
กลองคู่
สำ
�หรั
บสะพายตี
ใช้
ประโคมในงานมงคลต่
างๆ แม้
ในปั
จจุ
บั
นก็
ยั
งมี
ใช้
ประโคมนำ
�ขบวนแห่
พระเขี
ยวแก้
ของพระพุ
ทธเจ้
า การจั
ดริ
วขบวนนำ
�พระพุ
ทธสิ
หิ
งค์
เมื่
อครั้
งสุ
โขทั
ยนั้
นจึ
งธรรมเนี
ยมการนำ
�วงมั
งคละเภรี
ประโคมตลอด
เส้
นทาง วงดนตรี
นี้
จึ
งมี
ความเชื่
อ ลั
กษณะของวง รู
ปแบบการบรรเลงเช่
นเดี
ยวกั
บวงกาหลอของภาคใต้
วงมั
งคละ
เมื
อแพร่
กระจายสู
สุ
โขทั
ยแล้
วได้
มี
การนำ
�ไปใช้
ประโคมงานต่
างๆ สื
บทอดต่
อเนื
องกั
นมาในประเพณี
ของประชาชนใน
สุ
โขทั
ยและพื
นที
ใกล้
เคี
ยง คื
อ พิ
ษณุ
โลก และบางส่
วนของอุ
ตรดิ
ตถ์
ส่
วนเครื
องดนตรี
ในวงมี
พั
ฒนาการจนเป็
นรู
ปแบบเฉพาะ
ประกอบด้
วย ปี่
(มี
ลำ
�โพง) ฆ้
องแขวนหรื
อฆ้
องราว (มี
๓ ใบ) โกร๊
ก (กลองขนาดเล็
ก บางแห่
งเรี
ยกว่
าจ๊
กโกร๊
ก) กลองยื
กลองหลอน ฉาบ และกรั
บ บางวงเพิ่
ม ฉิ่
ง รำ
�มะนา ชื่
อวงดนตรี
ที่
ประสมวงนี้
เดิ
มเรี
ยกว่
า “วงปี
กลอง” ส่
วนชื่
“วงมั
งคละ” เรี
ยกตามบั
นทึ
กของสมเด็
จพระเจ้
าบรมวงศ์
เธอ เจ้
าฟ้
ากรมพระยานริ
ศรานุ
วั
ดติ
วงศ์
เมื่
อเสด็
จเมื
อง
พิ
ษณุ
โลก ใน พ.ศ. ๒๔๔๔ โดยทรงเรี
ยกตามคำ
�ที่
ได้
รั
บการอธิ
บายของสมภารวั
ดสกั
ดนํ้
ามั
น และพระยาเทพาฯ
ว่
า “วงมั
งคละ” ชื่
อของวงดนตรี
นี้
จึ
งเป็
นชื่
อหนึ่
งที่
นิ
ยมเรี
ยกในปั
จจุ
บั
ลั
กษณะของวงมั
งคละ เป็
นวงดนตรี
ประโคมนำ
�ขบวนแห่
วงประโคมในงานพิ
ธี
ต่
างๆ เมื่
อมี
การคิ
ดกระบวนท่
ารำ
ใช้
วงมั
งคละบรรเลงประกอบท่
ารำ
� และปรั
บเปลี่
ยนในรู
ปแบบบรรเลงตามอย่
างวงดนตรี
ทั่
วไป ขั้
นตอนสำ
�คั
ญก่
อนการ
บรรเลงเริ่
มด้
วยการไหว้
ครู
ต่
อด้
วยเพลงกลองชื่
อเพลงไม้
สี่
ซึ่
งถื
อเป็
นเพลงครู
จากนั้
นจึ
งมี
การนำ
�เพลงอื่
นๆ ตามที่
แต่
ละ
วงใช้
บรรเลง เช่
น เพลงไม้
หนึ่
ง ไม้
สอง ไม้
สาม กระทิ
งกิ
นโป่
ง นมยานกระทกแป้
ง สาวน้
อยประแป้
ง คางคกเข็
ดเขี้
ยว
เก้
งตกปลั
ก ตุ๊
กแกตี
นปุ
ก ข้
าวต้
มบู
ด แพะชนแกะ คุ
ดทะราดเหยี
ยบกรวด ฯลฯ สำ
�หรั
บวงที่
บรรเลงประกอบท่
ารำ
ทั้
งท่
ารำ
�นำ
�ขบวนแห่
และท่
ารำ
�ที่
เรี
ยกว่
ารำ
�มั
งคละ หรื
อที่
ประดิ
ษฐ์
ขึ้
นใหม่
มี
ท่
ารำ
�ซึ่
งนิ
ยมอย่
างแพร่
หลาย เช่
น ท่
าเจ้
าชู้
ไก้
แจ้
ท่
าเจ้
าชู้
ยั
กษ์
ท่
าป้
อ ท่
าเมิ
น ท่
าลิ
งอุ้
มแตงหรื
อท่
ารำ
�ลิ
งขย่
มตอ ฯลฯ