Page 115 - dcp6

Basic HTML Version

104
หลั
กฐานลายลั
กษณ์
ที่
เก่
าที่
สุ
ดที่
บั
นทึ
กตำ
�นานสงกรานต์
คื
อ จารึ
กวั
ดพระเชตุ
พนวิ
มลมั
งคลาราม จำ
�นวน ๗ แผ่
ติ
ดอยู่
บนผนั
งในศาลาเฉลี
ยงด้
านทิ
ศเหนื
อ เป็
น ๑ ใน ๔ ศาลาเฉลี
ยงรอบทิ
ศใหญ่
ทั้
งสี่
ทิ
ศของ พระมณฑป (หอไตรจตุ
รมุ
ข)
ที่
สร้
างในสมั
ยรั
ชกาลที่
๓ ใกล้
กั
บจารึ
กรามั
ญหุ
งข้
าวทิ
พย์
จารึ
กเหล่
านี้
นำ
�มาติ
ดในศาลาเฉลี
ยงเมื่
อคราวปฏิ
สั
งขรณ์
วั
ดพระเชตุ
พน เมื่
อ พ.ศ. ๒๓๗๔ ในรั
ชกาลพระบาทสมเด็
จพระนั่
งเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว อย่
างไรก็
ตามปั
จจุ
บั
นพบว่
าจารึ
ดั
งกล่
าวมิ
ได้
มี
ติ
ดอยู่
ในตำ
�แหน่
งเดิ
ม สั
นนิ
ษฐานว่
าคงสู
ญหายไปในคราวบู
รณะ พระอารามวั
ดพระเชตุ
พนฯ เมื่
อหลาย
สิ
บปี
ก่
อน
อย่
างไรก็
ตาม ตำ
�นานสงกรานต์
น่
าจะแพร่
หลายมาแต่
ครั้
งอยุ
ธยา โดยได้
รั
บอิ
ทธิ
พลมาจากเรื่
องการทายปั
ญหา
ระหว่
างพรหม ๒ องค์
และอี
กฝ่
ายรู้
คำ
�ตอบได้
จากนกมาจากนิ
ทานของพราหมณ์
ที่
เล่
าต่
อๆ กั
นมาโดยสมั
ยอยุ
ธยามี
บั
นทึ
กเรื่
องเล่
าเช่
นนี้
คื
อรู
ปแบบการถามปั
ญหาเรื่
องสิ
ริ
ที่
มี
เดิ
มพั
นถึ
งชี
วิ
ตที่
เรี
ยกว่
“ปกรณั
ม”
ซึ่
งมี
ที่
มาจากนิ
ทาน
อิ
นเดี
ยและนิ
ทานเปอร์
เซี
ย ปกรณั
มที่
เกี่
ยวข้
องกั
บตำ
�นานนี้
คื
อ ปั
กษี
ปกรณั
ม ทั้
งนี้
ปั
ญหาที่
ว่
าด้
วยเรื่
องสิ
ริ
มงคลของ
มนุ
ษย์
นั้
น เป็
นเรื่
องที่
แพร่
หลายรู้
กั
นทั่
วไปในสมั
ยอยุ
ธยาแล้
ว และคนไทยสมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์
ตอนต้
นรั
บรู้
กั
นค่
อนข้
าง
แพร่
หลาย ดั
งจะเห็
นได้
จากงานประพั
นธ์
ของสุ
นทรภู่
ใน
“สวั
สดิ
รั
กษาคำ
�กลอน”
ตำ
�นานสงกรานต์
นี้
ใช้
อธิ
บายความเป็
นมาของประเพณี
สงกรานต์
ของไทย มี
หลากหลายสำ
�นวนตามบริ
บท
ของแต่
ละท้
องถิ่
น แต่
มิ
ได้
เป็
นตำ
�นานที่
อธิ
บายที่
มาของประเพณี
เถลิ
งศกหรื
อขึ้
นปี
ใหม่
ของไทยในสมั
ยโบราณ เพราะ
เนื่
องจากเดิ
มคนไทย-ไท ถื
อเอาเดื
อนอ้
ายเป็
นเดื
อนขึ้
นปี
ใหม่
และมี
พิ
ธี
เดื
อนห้
า เป็
นเดื
อนของบุ
ญสงกรานต์
ครั้
นใน
สมั
ยรั
ชกาลที่
๕ พ.ศ. ๒๔๓๒ ได้
กำ
�หนดให้
วั
นที่
๑ เมษายนของทุ
กปี
เป็
นวั
นขึ้
นปี
ใหม่
และจึ
งได้
รวมเอา ปี
ใหม่
และ
สงกรานต์
มาผนวกกั
นนั
บแต่
นั้
น จึ
งเกิ
ดความคลาดเคลื่
อนว่
าตำ
�นานสงกรานต์
เป็
นตำ
�นานที่
อธิ
บาย การขึ้
นปี
ใหม่
ด้
วย
เนื้
อความของตำ
�นานสงกรานต์
ตามจารึ
กวั
ดพระเชตุ
พนวิ
มลมั
งคลาราม ซึ่
งกล่
าวตามพระบาลี
ฝ่
ายรามั
ญว่
ครั้
งหนึ่
งนานมาแล้
ว มี
เศรษฐี
คนหนึ่
งรวยทรั
พย์
แต่
ไม่
มี
บุ
ตร ตั้
งบ้
านอยู่
ใกล้
กั
บนั
กเลงสุ
ราที่
มี
บุ
ตรสองคน วั
นหนึ่
งนั
กเลง
สุ
ราต่
อว่
าเศรษฐี
จนกระทั่
งเศรษฐี
น้
อยใจ จึ
งได้
บวงสรวงพระอาทิ
ตย์
พระจั
นทร์
ตั้
งจิ
ตอธิ
ษฐานอยู่
กว่
าสามปี
ยั
งไร้
วี่
แวว
ที่
จะมี
บุ
ตร อยู่
มาวั
นหนึ่
งพอถึ
งเวลาที
พระอาทิ
ตย์
ยกขึ้
นสู่
ราศี
เมษ เศรษฐี
ได้
พาบริ
วารไปยั
งต้
นไทรริ
มนํ้
า พอถึ
งก็
ได้
เอา
ข้
าวสารลงล้
างในนํ้
าเจ็
ดครั้
ง แล้
วหุ
งบู
ชาอธิ
ษฐานขอบุ
ตรกั
บรุ
กขเทวดาในต้
นไทรนั้
น รุ
กขเทวดาเห็
นใจเศรษฐี
จึ
งเหาะ
ไปเฝ้
าพระอิ
นทร์
พระอิ
นทร์
ประทานเทพบุ
ตรองค์
หนึ่
งนาม
“ธรรมบาล”
ลงไปปฏิ
สนธิ
ในครรภ์
ภรรยาเศรษฐี
ไม่
ช้
ก็
คลอดออกมา เศรษฐี
ตั้
งชื่
อให้
กุ
มารน้
อยนี้
ว่
า ธรรมบาลกุ
มาร และได้
ปลู
กปราสาทไว้
ใต้
ต้
นไทรให้
กุ
มารนี้
อยู่
อาศั
ต่
อมาเมื่
อธรรมบาลกุ
มารโตขึ้
นได้
เรี
ยนรู้
ซึ่
งภาษานก และเรี
ยนไตรเภทจบเมื่
ออายุ
ได้
เจ็
ดขวบ เขาได้
เป็
นอาจารย์
บอกมงคลต่
างๆ แก่
คนทั้
งหลาย อยู่
มาวั
นหนึ่
ง ท้
าวกบิ
ลพรหมได้
ลงมาถามปั
ญหากั
บธรรมบาลกุ
มาร ๓ ข้
อ ถ้
าธรรมบาล
กุ
มารตอบได้
ก็
จะตั
ดเศี
ยรบู
ชา แต่
ถ้
าตอบไม่
ได้
จะตั
ดศี
รษะธรรมบาลกุ
มารเสี
ย ท้
าวกบิ
ลพรหมถามธรรมบาลกุ
มารว่
ตอนเช้
าศรี
อยู่
ที่
ไหน ตอนเที่
ยงศรี
อยู่
ที่
ไหน และตอนคํ่
าศรี
อยู่
ที
ไหน ทั
นใดนั้
นธรรมบาลกุ
มารจึ
งขอผั
ดผ่
อนกั
ท้
าวกบิ
ลพรหมเป็
นเวลา ๗ วั
นธรรมบาลกุ
มารพยายามคิ
ดค้
นหาคำ
�ตอบ ล่
วงเข้
าวั
นที่
๖ ธรรมบาลกุ
มารก็
ลงจากปราสาท
มานอนอยู่
ใต้
ต้
นตาล คิ
ดว่
าจะขอตายในที่
ลั
บยั
งดี
กว่
าไปตายด้
วยอาญาท้
าวกบิ
ลพรหม บั
งเอิ
ญบนต้
นไม้
มี
นกอิ
นทรี
๒ ตั
วผั
วเมี
ยเกาะทำ
�รั
งอยู่
นางนกอิ
นทรี
ถามสามี
ว่
า พรุ่
งนี้
เราจะไปหาอาหารแห่
งใด สามี
ตอบนางนกว่
า เราจะไปกิ
นศพ