Page 60 - dcp5

Basic HTML Version

51
ไล ‘กลอนประตู
’ คุ
‘กระป๋
อง, ถั
ง’ งวง ‘แมงกว่
าง’ ขี่
เข็
บ‘ตะขาบ’ พ้
า‘มี
ด’ เหมย‘หมอก’ นํ้
าเหมาะ ‘นํ้
าค้
าง’
สะเดิ
ด‘สะดุ้
ง’ ซื
ม‘กระซิ
บ’ญู่
‘ดั
น’ แญง‘ส่
องกระจก’ เทิ
ง‘บน’ ฮอด ‘ถึ
ง’
โครงสร้
างภาษาพวนโดยทั่
วไปมี
ลั
กษณะคล้
ายคลึ
งกั
บภาษาไทย กล่
าวคื
อ เป็
นภาษาคำ
�โดด เช่
น อ้
าย ‘พี่
ชาย’
เอ้
ย‘พี่
สาว’ ดั
ง ‘จมู
ก’ ญิ
ง‘ผู้
หญิ
ง’ แซบ ‘อร่
อย’ แลง ‘ตอนเย็
น’ ตำ
� ‘ชน, กระแทก’ นอกจากนี้
มี
คำ
�ประสม เช่
มื้
ออื่
น, มื้
อหน้
า‘วั
นพรุ่
งนี้
’ มื้
อฮื
อ ‘วั
นมะรื
น’ มื้
อตะวานนี้
‘เมื่
อวานนี้
’ มื้
อศี
ล‘วั
นพระ’ กำ
�ลู
ก ‘คลอดลู
ก’ มื
นตา
‘ลื
มตา’ คึ
ดฮู้
, คึ
ดฮอด ‘คิ
ดถึ
ง’ มี
ดแถ ‘มี
ดโกน’ โตแม‘ตั
วเมี
ย’ ผ้
าเหน็
บหาง‘ผ้
าโจงกระเบน’ คำ
�ซ้
อน เช่
น เสื่
อสาด
‘เสื่
อ’และคำ
�ซํ้
า ดนดน‘นานๆ’ แล้
วแล้
ว ‘เสร็
จเรี
ยบร้
อย’ สั่
นทดทด ‘อาการสั่
นเทาด้
วยความหนาวหรื
อความกลั
ว’
คํ่
าค้
อยค้
อย ‘ใกล้
ๆ คํ่
า’ คำ
�ขยายปรากฏหลั
งคำ
�หลั
ก เช่
น ดนแล้
ว ‘นานแล้
ว’ มี
โครงสร้
างประโยค คื
อ ประโยคบอก
เล่
ามี
การเรี
ยงคำ
�แบบ ประธาน-กริ
ยา-กรรม เช่
น อ้
ายกิ
นเข้
าสาย ‘พี่
ชายกิ
นข้
าวมื้
อกลางวั
น’ เฮาเอ็
ดเวี
ยะ‘เราทำ
�งาน’
ประโยคปฏิ
เสธ คำ
�ปฏิ
เสธปรากฏหน้
าคำ
�กริ
ยา เช่
น เพิ่
นบ่
ยะไป ‘เขาไม่
อยากไป’ ข้
อยบ่
ฮู้
‘ฉั
นไม่
รู้
’ เฮาบ่
ฮ่
อน
เอ็
ด ‘เราไม่
ควรทำ
�’ ประโยคคำ
�ถามมี
การเรี
ยงลำ
�ดั
บคำ
�เช่
นเดี
ยวกั
บประโยคบอกเล่
า และประโยคคำ
�สั่
งขึ้
นต้
นด้
วยคำ
กริ
ยา นอกจากนี้
ภาษาพวนปรากฏการละประธานหรื
อกรรมโดยทั่
วไปเช่
นเดี
ยวกั
บภาษาไทยและภาษาตระกู
ลไท
อื่
นๆ เช่
น เอ็
ดหั
งเอ็
ดผิ
เหลอ ‘(คุ
ณ)ทำ
�อะไร’ สำ
�นวนที่
น่
าสนใจในภาษาพวนที่
ยั
งคงมี
ใช้
กั
นอยู่
เช่
น แตะแตนแลนฟั
‘แตกกระจั
ดกระจาย’ เป็
นหม่
าเหญ่
อเญ้
อ ‘ป่
วยหรื
อไม่
สบายเรื้
อรั
ง’ ตายความญั
วะ ‘หลงเชื่
อคำ
�พู
ดที่
ผู้
อื่
นหลอกลวง
จนเกิ
ดความเสี
ยหาย’ ตาล่
างตาใด‘ใต้
ถุ
น’ ลมกั
นบ่
ค่
าย ‘พู
ดคุ
ยกั
นถู
กคอไมรู้
เบื่
อ แต่
ต้
องลาจากกั
น’ ลมบ่
เห้
าแจ่
วเห้
าเกื
‘พู
ดขั
ดคอกั
นไปคนละทาง’ ล่
วงไปล่
วงมา ‘เดิ
นผ่
านไปมาบ่
อยจนน่
ารำ
�คาญ’
ภาษาพวนมี
ผู้
ใช้
กระจายตั
วในหลายจั
งหวั
ด ทั้
งในภาคกลาง ภาคเหนื
อ และภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อของ
ประเทศไทย ชุ
มชนพวนเป็
นชุ
มชนที่
เข้
มแข็
ง มี
การรวมกลุ่
มและจั
ดตั
งชมรมไทยพวนมี
การติ
ดต่
อไปมาหาสู่
จั
ดทำ
กิ
จกรรมเพื่
ออนุ
รั
กษ์
และสื
บทอดวั
ฒนธรรมอย่
างต่
อเนื่
อง อย่
างไรก็
ตาม ด้
วยกระแสโลกาภิ
วั
ตน์
และปฏิ
สั
มพั
นธ์
กั
คนรอบข้
างกลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
พวนกำ
�ลั
งจะสู
ญเสี
ยอั
ตลั
กษณ์
ทางภาษาและวั
ฒนธรรม ตลอดจนความลุ่
มลึ
กทางภู
มิ
ปั
ญญา
อั
นดี
งามที่
มี
อยู่
จึ
งเป็
นความจำ
�เป็
นเร่
งด่
วนที่
จะต้
องมี
การจั
ดการเพื่
อรั
กษามรดกภู
มิ
ปั
ญญาทางวั
ฒนธรรมพวนมิ
ให้
สู
ญหาย โดยชุ
มชนต้
องเข้
ามามี
บทบาทและมี
ส่
วนร่
วมในการปกป้
องคุ้
มครอง ร่
วมมื
อกั
นวางแผนและดำ
�เนิ
นการดู
แล
รั
กษา อนุ
รั
กษ์
และสื
บสานให้
ภาษาและวั
ฒนธรรมพวนคงอยู่
ต่
อไปสู่
รุ่
นลู
กหลาน การคุ้
มครอง ปกป้
อง และสื
บทอด
ภาษาพวนเท่
ากั
บเป็
นการจั
ดเก็
บองค์
ความรู้
พื้
นฐานที่
ถื
อเป็
นกุ
ญแจสำ
�คั
ญที่
จะนำ
�ไปสู่
การสื
บค้
นข้
อมู
ลภู
มิ
ปั
ญญาทาง
วั
ฒนธรรมด้
านต่
างๆ ในระดั
บลุ่
มลึ
กซึ่
งมี
อยู่
มากมายได้
ต่
อไปอย่
างไม่
มี
ที่
สิ้
นสุ
ภาษาพวน ได้
รั
บการขึ้
นทะเบี
ยนเป็
นมรดกภู
มิ
ปั
ญญาทางวั
ฒนธรรมของชาติ
ประจำ
�ปี
พุ
ทธศั
กราช ๒๕๕๘