Page 55 - dcp5

Basic HTML Version

46
ภาษาผู้
ไทย
เรี
ยบเรี
ยงโดย เฉลิ
มชั
ย แก้
วมณี
ชั
ย และ รองศาสตราจารย์
ชลธิ
ชา บำ
�รุ
งรั
กษ์
ภาษาผู้
ไทย เป็
นภาษาในตระกู
ลภาษาไท มี
ผู้
พู
ดจำ
�นวนมากกระจายในภู
มิ
ภาคต่
างๆ ในประเทศไทยลาวและ
เวี
ยดนาม ผู้
พู
ดภาษาผู้
ไทยในประเทศไทยส่
วนใหญ่
อาศั
ยอยู่
ในบริ
เวณจั
งหวั
ดภาคตะวั
นออกหรื
อภาคอี
สานตอนบน
ได้
แก่
จั
งหวั
ดกาฬสิ
นธุ์
นครพนม มุ
กดาหาร และสกลนคร นอกจากนี้
ยั
งมี
อี
กเล็
กน้
อยอาศั
ยบริ
เวณจั
งหวั
ดร้
อยเอ็
อุ
ดรธานี
อุ
บลราชธานี
และอำ
�นาจเจริ
ญ โดยภาษาผู้
ไทยในแต่
ละท้
องถิ่
นต่
างมี
สำ
�เนี
ยงและคำ
�ศั
พท์
ที่
ใช้
แตกต่
างกั
นไป
นอกจากนี้
ยั
งมี
คำ
�ยื
มจากภาษาถิ่
นอี
สานซึ
งเป็
นภาษาถิ่
นที่
คนส่
วนใหญ่
ในภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อใช้
ในภาษาผู้
ไทยบ้
าง
แต่
ไม่
มากนั
ก ชาวผู้
ไทยส่
วนใหญ่
มั
กพู
ดภาษาถิ่
นอี
สานได้
แต่
ชาวไทยที่
พู
ดภาษาอี
สานไม่
สามารถพู
ดหรื
ฟั
งภาษาผู้
ไทยอย่
างเข้
าใจโดยสมบู
รณ์
ภาษาผู้
ไทยมี
ชื่
อเรี
ยกอื่
น คื
อ ภาษาผู้
ไท ภาษาภู
ไท
หลั
กฐานทางประวั
ติ
ศาสตร์
และพงศาวดาร พบว่
า ชาวผู้
ไทดั้
งเดิ
มเป็
นกลุ่
มชนที่
อาศั
ยอยู่
ในดิ
นแดนแถบสิ
บสอง
จุ
ไท ทั้
งบริ
เวณตอนเหนื
อของลาวและเวี
ยดนาม และทางตอนใต้
ของจี
น มี
ศู
นย์
กลางอยู่
ที่
เมื
องไลและเมื
องแถง
(เดิ
มชื่
อ เมื
องแถน คำ
�ว่
า แถน แปลว่
า ฟ้
า) เมื
องแถน คื
อ เมื
องที่
เจ้
าฟ้
าพระมหากษั
ตริ
ย์
ผู้
เป็
นใหญ่
สร้
างขึ้
นหรื
ออยู่
อาศั
ย ดั
งนั้
นจะเห็
นได้
ว่
ากลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ผู้
ไทหรื
อปู้
ไทมี
การสั
กการะกราบไหว้
“บรรพบุ
รุ
ษ” มาตั้
งแต่
อดี
ต จนถึ
งปั
จจุ
บั
เช่
น ประเพณี
จุ
ดบั้
งไฟบู
ชาพระยาแถน เพื่
อขอนํ้
าจากฟ้
าหรื
อขอนํ้
าฝนให้
ตกต้
องตามฤดู
กาล ให้
ลู
กหลานได้
ทำ
�นา
เลี้
ยงชี
พและเลี
ยงลู
กหลานต่
อไป หรื
อประเพณี
ผี
ฟ้
า หรื
อหมอเหยา เพื่
อเชิ
ญผี
แถน มาช่
วยดู
แลรั
กษาปั
ดเป่
าสิ่
งชั่
วร้
าย
โรคภั
ยไข้
เจ็
บ ให้
ลู
กหลานหายเจ็
บไข้
เป็
นต้
กลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ผู้
ไท (ปู่
ไท คื
อ คนไทเดิ
ม) ที่
อาศั
ยอยู่
ที่
เมื
องแถง เรี
ยกว่
า กลุ่
มผู้
ไทดำ
�และที่
อาศั
ยอยู่
ที่
เมื
องไลและ
เมื
องอื่
นๆ เรี
ยกว่
า กลุ่
มผู้
ไทขาว ประกอบด้
วย ๔ อาณาเขต คื
อ เมื
องไล เมื
องเจี
ยน เมื
องมุ
นเมื
องบาง มี
เมื
องไลเป็
เมื
องใหญ่
ปกครอง ส่
วนกลุ่
มผู้
ไทดำ
� ประกอบด้
วย ๘ อาณาเขต คื
อ เมื
องแถง เมื
องควาย เมื
องดุ
ง เมื
องม่
วย เมื
องลา
เมื
องโมะ เมื
องหวั
ด เมื
องซาง มี
เมื
องแถงเป็
นเมื
องใหญ่
ปกครอง ส่
งผลทำ
�ให้
กลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ผู้
ไทนี
มี
เมื
องอยู่
ในการ
ปกครองตนเอง รวม ๑๒ อาณาเขต จึ
งเรี
ยกดิ
นแดนแห่
งนี้
รวมกั
นว่
า “สิ
บสองเมื
องผู้
ไท” หรื
อ “สิ
บสองจุ
ไทย” หรื
“สิ
บสองปู่
ไทย” หรื
อ “สิ
บสองเจ้
าไทย”
ต่
อมากลุ่
มผู้
ไทเมื
องวั
งเกิ
ดเหตุ
วุ
นวาย ทำ
�ให้
ลู
กหลานส่
วนหนึ่
งต้
องอพยพข้
ามแม่
นํ้
าโขงมาตั้
งบ้
านเรื
อนใน
ภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อของประเทศไทย บริ
เวณเมื
องเรณู
นคร จั
งหวั
ดนครพนม และเมื
องพรรณนานิ
คมจั
งหวั
ดสกลนคร
ต่
อมา พระเจ้
ากรุ
งธนบุ
รี
หรื
อ “พระเจ้
าตากสิ
นมหาราช” ได้
ทำ
�สงครามขยายอาณาเขตได้
อพยพชาวเมื
องผู้
ไทให้
ย้
าย
มาตั้
งบ้
านเรื
อนอยู่
ในเขตจั
งหวั
ดเพชรบุ
รี
ราชบุ
รี
และสระแก้
ว จนถึ
งปั
จจุ
บั
น นอกจากนี้
ในรั
ชสมั
ยพระบาทสมเด็
พระนั่
งเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
วและพระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว กลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ผู้
ไทได้
อพยพข้
ามแม่
นํ้
าโขงมาตั้
ถิ่
นฐานในจั
งหวั
ดต่
างๆ ในภาคอี
สานมากขึ้
น อาทิ
นครพนม สกลนคร มุ
กดาหาร และมาอยู่
รวมกั
บกลุ่
มชนชาติ
พั
นธุ์