Page 40 - dcp5

Basic HTML Version

31
ภาษาญ้
เรี
ยบเรี
ยงโดย ผู้
ช่
วยศาสตราจารย์
บั
ญญั
ติ
สาลี
กลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ญ้
อ แต่
เดิ
มอาศั
ยอยู่
เป็
นจำ
�นวนมากในเมื
องหงสาและคำ
�ม่
วน ซึ่
งเป็
นดิ
นแดนที่
อยู่
ในประเทศลาว
ต่
อมาได้
อพยพมาตั้
งถิ่
นฐานในเขตประเทศไทยบริ
เวณพื้
นที่
ในภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อและภาคตะวั
นออกของไทย
พบมี
กลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ญ้
อย้
ายมาตั้
งถิ่
นฐานหลายจั
งหวั
ด ได้
แก่
หนองคาย อุ
ดรธานี
มหาสารคาม สกลนคร นครพนม
มุ
กดาหาร ขอนแก่
น นครสวรรค์
สระบุ
รี
ปราจี
นบุ
รี
และสระแก้
ว นอกจากนี้
ยั
งพบว่
า มี
กลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ญ้
อ อาศั
ยอยู่
ในประเทศกั
มพู
ชา ได้
แก่
จั
งหวั
ดบั
นทายมี
ชั
ยและอุ
ดรมี
ชั
ย ประเทศกั
มพู
ชาอี
กด้
วย
การย้
ายถิ่
นฐานของกลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ญ้
อมี
สาเหตุ
มาจากการถู
กเกณฑ์
และอพยพมาในภายหลั
งเพื่
อตั้
งถิ่
นฐาน
ตามญาติ
พี่
น้
องที่
อาศั
ยอยู่
ในพื้
นที่
ต่
าง ๆ ของประเทศไทย โดยการอพยพแต่
ละครั้
ง จะมี
ผู้
นำ
�มาด้
วย เช่
น ในปี
พ.ศ.
๒๓๕๑ ญ้
อเมื
องท่
าอุ
เทน มี
ท้
าวหม้
อ เป็
นหั
วหน้
า ได้
พาลู
กเมี
ยและบ่
าวไพร่
จำ
�นวน ๑๐๐ คน ตั้
งบ้
านเมื
องอยู่
ที่
ปาก
แม่
นํ้
าสงครามซึ่
งอยู่
ในบริ
เวณพื้
นที่
จั
งหวั
ดนครพนม แต่
หลั
งจากนั้
นในปี
พ.ศ. ๒๔๖๙ ได้
มี
การอพยพกลั
บไปตั้
งถิ่
นฐาน
อยู่
ฝั่
งซ้
ายแม่
นํ้
าโขงที่
เมื
องปุ
งลิ
ง (ปั
จจุ
บั
นอยู่
ในแขวงคำ
�ม่
วน ประเทศลาว) และในปี
พ.ศ. ๒๓๗๑ ก็
อพยพกลั
บมาตั้
ถิ่
นฐานในพื้
นที่
ของเมื
องไชยบุ
รี
(ปั
จจุ
บั
นเป็
นแขวงไชยบุ
รี
ประเทศลาว) ต่
อมาในปี
พ.ศ. ๒๓๗๖ เจ้
าเมื
องหลวงปุ
งลิ
ได้
พาครอบครั
วและบ่
าวไพร่
ข้
ามแม่
นํ้
าโขงมาประเทศไทยโดยพระบาทสมเด็
จพระนั่
งเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
วทรงโปรดเกล้
าฯ
ให้
ตั้
งถิ่
นฐานที่
เมื
องท่
าอุ
เทน ปั
จจุ
บั
นเป็
นอำ
�เภอท่
าอุ
เทน จั
งหวั
ดนครพนม
ส่
วนหั
วหน้
าของกลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ญ้
ออี
กกลุ่
มหนึ่
ง คื
อ พระคำ
�ก้
อน เจ้
าเมื
องคำ
�เกิ
ด ประเทศลาวได้
ขอสวามิ
ภั
กดิ์
ต่
อกรุ
งสยาม ในรั
ชสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระนั่
งเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว ในปี
พ.ศ. ๒๓๗๙ และในปี
พ.ศ. ๒๓๘๒ ได้
อพยพ
มาตั้
งถิ่
นฐานที่
เมื
องท่
าขอนยาง (ปั
จจุ
บั
นเป็
น ตำ
�บลท่
าขอนยาง อำ
�เภอกั
นทรวิ
ชั
ย จั
งหวั
ดมหาสารคาม)
กลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ญ้
อในประเทศไทยมี
วั
ฒนธรรมคล้
ายคลึ
งกั
บคนไทยในภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อมากประเพณี
ที่
ถื
อว่
าเป็
นเอกลั
กษณะเฉพาะของกลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ญ้
อคื
อประเพณี
ไหลเรื
อไฟในวั
นขึ้
น ๑๕ คํ่
าเดื
อน ๑๑ หรื
วั
นออกพรรษา เรี
ยกว่
า “ไหลเฮื่
อไฟ” นอกจากนี้
ยั
งมี
วั
ฒนธรรมการละเล่
นที่
เป็
นเอกลั
กษณ์
ของกลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ญ้
อ คื
หมากโข่
งโหล่
ง หมากต่
อไก่
หมากนู่
เนี
ยม ปาบึ
กแล่
นมาฮาด หม่
อจํ้
าหม่
อมี
และหมากอี
หมากอำ
� การละเล่
นแต่
ละ
ประเภทจะมี
วิ
ธี
การเล่
นและมี
เพลงประกอบการละเล่
นด้
วย เช่
น การละเล่
นหม่
อจํ้
าหม่
อมี
มี
เพลงประกอบว่
า จั้
มหม่
มี่
มาจี่
หม่
อหม่
น หั
กคอคนเซอหน้
านกกด หน้
านกกดหน้
าลิ
งหน้
าลาย หน้
าผี
พายหน้
ากิ
กหน้
าก่
อม หน้
ากิ
ก (หน้
าสั้
น)
หน้
าก่
อม (หน้
ากลม) ยอมแยะแตะปี
กผึ่
งวะผึ่
งวะ (ซํ้
าตั้
งแต่
ต้
นไปเรื่
อยๆ) เป็
นต้