Page 31 - dcp5

Basic HTML Version

22
ภาษาชอุ
เรี
ยบเรี
ยงโดย สุ
นี
คำ
�นวลศิ
ลป์
และ ณั
ฐมน โรจนกุ
คำ
�ว่
า ชอุ
ง มี
ความหมายว่
า “คน” ออกเสี
ยงด้
วยลั
กษณะนํ้
าเสี
ยงตํ่
ากระตุ
กคล้
ายคำ
�ว่
า ชอง ในภาษาชอง
ชาวชอุ
งปั
จจุ
บั
นอยู่
ที่
บ้
านทุ่
งนา อำ
�เภอศรี
สวั
สดิ์
และบางส่
วนอยู่
ในอำ
�เภอลาดหญ้
า จั
งหวั
ดกาญจนบุ
รี
ถิ่
นฐานเดิ
ของพวกเขาอยู่
ในจั
งหวั
ดกั
มปงโสม จั
งหวั
ดชายทะเลทางตะวั
นตกเฉี
ยงใต้
ของประเทศกั
มพู
ชา โดยสั
นนิ
ษฐานว่
า ชาว
ชอุ
งที่
อยู่
ในประเทศไทยอพยพเข้
ามาในช่
วงเวลาของสงครามอานามสยามยุ
ทธราวพุ
ทธศั
กราช ๒๓๗๔ – ๒๓๘๗
โดยพระยาบดิ
นทรเดชา (สิ
งห์
สิ
งหเสนี
) เป็
นแม่
ทั
พนำ
�ชาวชอุ
งเดิ
นทางจากตะวั
นออกสู่
จั
งหวั
ดกาญจนบุ
รี
สุ
ดแดนตะวั
นตกของประเทศไทย และให้
ตั้
งบ้
านเรื
อนอยู่
บริ
เวณริ
มแม่
นํ้
าแคว อำ
�เภอลาดหญ้
า ก่
อนที่
ชาวชอุ
งกลุ่
มใหญ่
จะย้
ายไปยั
งอำ
�เภอศรี
สวั
สดิ์
ในปั
จจุ
บั
น พวกเขาเป็
นที่
รู้
จั
กในชื่
อ อู
ด ข่
าสะอู
ด ชองอู
ด หรื
อ นาอู
ด คำ
�ว่
า อู
ด มี
ความหมาย
ในภาษาชอุ
งว่
า “ไม้
ฟื
น” พวกเขาเรี
ยกตนเองว่
า ชอุ์
ง และไม่
ชอบให้
ผู้
อื่
นเรี
ยกว่
า อู
ด หรื
อ สะโอจ (ตามเอกสาร
เก่
าอ้
างที่
ถึ
งชาวชอุ
งในประเทศกั
มพู
ชา) ซึ่
งมี
ความหมายในเชิ
งดู
ถู
ภาษาชอุ
งจั
ดอยู่
ในตระกู
ลภาษาออสโตรเอเชี
ยติ
กสาขามอญ-เขมร กลุ่
มย่
อยเปี
ยริ
ก เช่
นเดี
ยวกั
บภาษาชอง
จั
งหวั
ดจั
นทบุ
รี
ภาษากะซองและภาษาซั
มเรจั
งหวั
ดตราด ทั้
งสี่
ภาษามี
ความใกล้
เคี
ยงกั
นมาก เช่
น “คน” ภาษาชอุ
ว่
กะเจิ่
ม, ชอุ์
ภาษาชองว่
กะชึ่
ม, ช์
อง
ภาษากะซองว่
กะซึ่
และภาษาซั
มเรว่
กะซุ้
ภาษาชอุ
งมี
พยั
ญชนะต้
๒๑ หน่
วยเสี
ยงพยั
ญชนะสะกด ๑๓ หน่
วยเสี
ยง พยั
ญชนะประสม ๙ หน่
วยเสี
ยง สระเสี
ยงสั้
นและยาว ๑๘ หน่
วยเสี
ยง
โดยมี
พยั
ญชนะสะกดที่
เป็
นลั
กษณะของภาษากลุ่
มมอญ-เขมร ได้
แก่
<จ><ญ><ล>และ <ฮ> รวมทั้
งมี
ลั
กษณะ
นํ้
าเสี
ยงที่
เป็
นลั
กษณะสำ
�คั
ญของภาษากลุ่
มนี้
ภาษาชอุ
งมี
ลั
กษณะนํ้
าเสี
ยง ๔ แบบ ได้
แก่
ลั
กษณะนํ้
าเสี
ยงกลางปกติ
เช่
ตาก
= ถั่
ว, ลั
กษณะนํ้
าเสี
ยงสู
งบี
บ (เสี
ยงปกติ
ตามด้
วยการกั
กของเส้
นเสี
ยง) เช่
ต้
าก
= ลิ้
น, ลั
กษณะนํ้
าเสี
ยงตํ่
าใหญ่
(เสี
ยงก้
องมี
ลม) เช่
ต่
าก
= นํ้
า, และลั
กษณะนํ้
าเสี
ยงตํ่
ากระตุ
ก (เสี
ยงก้
องมี
ลมตามด้
วยการกั
กของเส้
นเสี
ยง) เช่
มู์
= หนึ่
ง ลั
กษณะทางไวยากรณ์
มี
การเรี
ยงประโยคแบบ ประธาน-กริ
ยา-กรรม เช่
เอ็
ญเจวท็
อง พี
งเม์
ว เออะ.เกลา
“ฉั
น – ไป – ตก (ปลา) – ปลา – ที่
.บ่
อ” ยั
งมี
การสร้
างคำ
�ด้
วยการเติ
มหน่
วยคำ
�เติ
มหน้
า (Prefix) ตามลั
กษณะ
ภาษากลุ่
มมอญ-เขมร ได้
แก่
ปะ และ เออะ
“ที่
” ที่
แสดงการระบุ
สถานที่
ของคำ
�นาม และ เปิ
ง ที่
เปลี่
ยนจากคำ
�ว่
โฮจ
“ตาย” ให้
เป็
เปิ
งโฮจ
“ฆ่
า” ลั
กษณะไวยากรณ์
ที่
น่
าสนใจคื
อการใช้
คำ
�ปฏิ
เสธ ๒ คำ
� ประกบคำ
�กริ
ยาหรื
อกริ
ยา
วลี
เช่
ท็
ก – บื
ด – เอฮ
“ไม่
– ดี
– ไม่
” เป็
นต้
น ภาษาชอุ
งมี
ความใกล้
ชิ
ดกั
บภาษาชองมากกว่
าภาษากะซองและ
ซั
มเร ทั้
งลั
กษณะนํ้
าเสี
ยง ๔ ลั
กษณะ เช่
น คำ
�ว่
เม์
ทั้
งในภาษาชอุ
งและชองมี
ความหมายว่
า “ปลา” เหมื
อนกั
น มี
วงศ์
คำ
�ศั
พท์
ที่
คล้
ายคลึ
งกั
น เช่
น “ข้
าวสุ
ก” ภาษาชอุ
งและชองว่
า ปล็
อง ในขณะที่
ภาษากะซองว่
กลง
และภาษา
ซั
มเรว่
า กล็
อง รวมทั้
งการใช้
หน่
วยคำ
�ปฏิ
เสธสองคำ
�ประกบกริ
ยาวลี
เช่
นเดี
ยวกั
บภาษาชอง แตกต่
างกั
นที่
หน่
วยคำ
�ที่
ใช้
ในภาษาชองจะใช้
หน่
วยคำ
�ซํ้
ากั
นคื
อิ
ฮ - อิ
“ไม่
– ไม่
” แต่
ภาษาชอุ
งจะใช้
คำ
�ต่
างกั
นคื
ท็
ก – เอฮ
“ไม่
– ไม่