Page 49 - dcp4

Basic HTML Version

38
๒. การทำ
�บุ
ญโดยปกติ
๒.๑ หมวดทาน
๑) ทาน (ทานมั
ย)
คื
อ วิ
ธี
การทำ
�บุ
ญด้
วยการบริ
จาค การให้
การเอื้
อเฟื้
อ การเผื่
อแผ่
แบ่
งปั
น หรื
การสละสิ
งของหรื
อทรั
พย์
สมบั
ติ
ที่
ควรให้
ของตน ไม่
ว่
าจะเป็
นเงิ
นทอง ข้
าวของเครื
องใช้
หรื
อสิ่
งอื
นใดที่
มี
อยู
ให้
แก่
ผู้
ที่
ควรให้
เพื่
อประโยชน์
แก่
เขา โดยมุ่
งหวั
งจะจุ
นเจื
อให้
เขาได้
รั
บประโยชน์
และความสุ
ข ด้
วยความเมตตา การทำ
�ทาน
นั้
นควรให้
ด้
วยเจตนาที่
บริ
สุ
ทธิ์
ให้
ด้
วยความปรารถนาดี
เพื่
อให้
ผู้
รั
บได้
สิ่
งจำ
�เป็
นที่
เขาต้
องการ สิ่
งของที่
ให้
ต้
องอยู่
ในสภาพที่
ใช้
งานได้
และการบริ
จาค ต้
องดู
ความเหมาะสมของสิ่
งที่
ให้
กั
บผู้
ได้
รั
บด้
วย การให้
นั้
นต้
องมี
ผู้
รั
บ จะเป็
นพระ
ฆราวาส คนรวย คนจน คนมี
ศี
ล คนไม่
ศี
ล แม้
แต่
สั
ตว์
เดรั
จฉาน หรื
อเปรตบางจำ
�พวกก็
ได้
ทั้
งนี้
ผู้
รั
บทานนั้
น หากเป็
คนดี
มี
คุ
ณธรรมมาก อานิ
สงส์
แห่
งทานก็
ยิ่
งมากตามไปด้
วย
วั
ตถุ
ประสงค์
ของการให้
ทานในทางพระพุ
ทธศาสนา มี
ดั
งนี้
คื
(๑) เพื่
ออนุ
เคราะห์
คื
อ ช่
วยเหลื
อผู้
ที่
ต้
องการความช่
วยเหลื
อ เช่
นผู้
ประสบภั
ย ขาดแคลน หรื
อได้
รั
บความทุ
กข์
ยาก ด้
วยความกรุ
ณา คื
อคิ
ดจะช่
วยให้
เขาพ้
นทุ
กข์
(๒) เพื่
อสงเคราะห์
คื
อ เกื้
อกู
ลกั
นในหมู่
ญาติ
เพื่
อนบ้
าน มิ
ตรสหาย เป็
นการแสดงไมตรี
จิ
ตต่
อกั
ด้
วยความเมตตา คื
อคิ
ดจะให้
เขาเป็
นสุ
(๓) เพื่
อบู
ชาคุ
ณ เช่
น บู
ชาคุ
ณบิ
ดา มารดา ผู้
มี
อุ
ปการะอื่
นๆ รวมทั้
งพระภิ
กษุ
สามเณร ผู้
ประพฤติ
ดี
ประพฤติ
ชอบ เป็
นการบู
ชาท่
านผู้
ควรบู
ชา
เราจำ
�แนกทานออกเป็
น ๒ ประเภท คื
อ อามิ
สทานและธรรมทาน
๑.๑ อามิ
สทาน หมายถึ
งการให้
ทานด้
วยการสละทรั
พย์
หรื
อวั
ตถุ
ที่
เป็
นของนอกกาย เช่
น เงิ
สิ่
งของหรื
อของในกาย เช่
น เลื
อด อวั
ยวะ แก่
ผู้
อื่
น ด้
วยความเมตตา เช่
น ถวายทานแด่
พระภิ
กษุ
สามเณร ให้
ทาน
แก่
คนชรา ขอทาน ผู้
ตกยาก เป็
นต้
น ซึ่
งผลบุ
ญที่
ได้
จากทานนั้
นจะมากหรื
อน้
อยขึ้
นอยู่
กั
บปั
จจั
ยหลั
ก ๔ อย่
าง
(พระไตรปิ
ฎกเล่
มที่
๑๔ ข้
อ ๗๑๙) คื
๑.๑.๑ ผู้
ให้
ทานมี
ความบริ
สุ
ทธิ์
หมายถึ
ง ผู้
ให้
ต้
องมี
ศี
ลมี
ธรรมและมี
เจตนาที่
บริ
สุ
ทธิ์
ในการ
ทำ
�จึ
งจะได้
บุ
ญมาก หากผู้
ทำ
�ทานเป็
นคนไม่
ถื
อศี
ลเลย เวลาเราทำ
�ทานก็
จะได้
บุ
ญน้
อย หากผู้
ทำ
�ทานเป็
นคนถื
อศี
ก็
จะได้
บุ
ญมากขึ้
น ยิ่
งศี
ลมากขึ้
น ก็
จะยิ่
งได้
บุ
ญมากขึ้
นด้
วย
๑.๑.๒ เจตนาของผู้
ให้
บริ
สุ
ทธิ์
คื
อ เจตนาในขณะให้
ทานบริ
สุ
ทธิ์
หากผู้
ให้
มี
ความตั้
งใจดี
ให้
ทานด้
วยความบริ
สุ
ทธิ์
ใจด้
วยความเมตตา ด้
วยความปรารถนาดี
ทั้
งก่
อนให้
ก็
มี
ความสุ
ขที่
จะได้
ให้
ขณะให้
ก็
มี
ความสุ
ขใจ
และหลั
งจากให้
แล้
วก็
เบิ
กบานใจ คิ
ดถึ
งบุ
ญกุ
ศลที่
ได้
ทำ
�เมื่
อใด จิ
ตใจก็
ผ่
องใสเมื่
อนั้
น เช่
นนี้
ก็
จะทำ
�ให้
ผู้
ทำ
�ได้
บุ
ญมาก
ถ้
าไม่
รู้
สึ
กเช่
นนั้
น บุ
ญก็
ลดน้
อยถอยลงตามเจตนา
๑.๑.๓ วั
ตถุ
ที่
ให้
มี
ความบริ
สุ
ทธิ์
คื
อ วั
ตถุ
ทานที่
ให้
ได้
แก่
สิ่
งของ ทรั
พย์
สมบั
ติ
ที่
ตนได้
สละ
ให้
เป็
นทานนั้
นจะต้
องเป็
นของที่
บริ
สุ
ทธิ์
เป็
นสิ่
งของที่
ตนเองได้
แสวงหามาโดยชอบ ได้
มาด้
วยความบริ
สุ
ทธิ์
ในการ
ประกอบอาชี
พ ไม่
ใช่
ของที่
ได้
มาเพราะการเบี
ยดเบี
ยนผู้
อื่
น เป็
นของที่
เหมาะและมี
ประโยชน์
ต่
อผู้
รั