Page 31 - dcp4

Basic HTML Version

20
๕) การเตรี
ยมการสำ
�หรั
บการแต่
งงาน หลั
งจากที่
ได้
รั
บกำ
�หนดวั
นประกอบพิ
ธี
แต่
งงานกั
นเป็
นที่
เรี
ยบร้
อยแล้
ทั้
งฝ่
ายหญิ
งและฝ่
ายชายจะมี
การเตรี
ยมการสำ
�หรั
บการแต่
งงานไว้
ให้
พร้
อมในทุ
กๆ ด้
าน คื
อเตรี
ยมข้
าวสาร เตรี
ยมเงิ
เตรี
ยมเครื่
องบริ
โภคสำ
�หรั
บผู้
มาในงาน เตรี
ยมสถานที
องค์
ประกอบในพิ
ธี
กรรมที่
สำ
�คั
ญมากที่
ฝ่
ายหญิ
งต้
องเตรี
ยม
ให้
พร้
อมคื
อ ห้
อง หรื
อที่
จะใช้
ประกอบพิ
ธี
ซึ่
งมี
รู
ปแบบการจั
ดสิ่
งของเครื่
องใช้
ในพิ
ธี
เป็
นแบบฉบั
บเฉพาะตั
วตามจารี
ประเพณี
ที่
ปฏิ
บั
ติ
กั
นมาแต่
โบราณ ในตอนเย็
นของวั
นสุ
กดิ
บ ที่
บ้
านของฝ่
ายชายนอกเหนื
อจากเลี้
ยงอย่
างสนุ
กสนาน
แล้
วจะมี
การจั
ดขั
นหมากและข้
าวของต่
างที่
จะต้
องนำ
�ไปในพิ
ธี
แต่
งงานในวั
นรุ่
งขึ้
๖) พิ
ธี
แต่
งงาน เมื่
อเข้
าสู่
พิ
ธี
แต่
งงาน ฝ่
ายเจ้
าบ่
าวเตรี
ยมขบวนแห่
ขั
นหมากแล้
วยกไปสู่
บ้
านเจ้
าสาวเพื่
อทำ
�พิ
ธี
แต่
งงาน ซึ่
งไม่
ต่
างจากภาคกลางมากนั
พิ
ธี
แต่
งงานในภาคใต้
ตอนล่
าง (ตามประเพณี
อิ
สลาม)
พิ
ธี
แต่
งงานในภาคใต้
ตอนล่
าง นั้
นมี
ความแตกต่
างไปจากภาคอื่
นๆ เนื่
องจากประชากรในภาคนี้
ส่
วนใหญ่
นั
บถื
ศาสนาอิ
สลาม ทำ
�ให้
พิ
ธี
แต่
งงานมี
ขั้
นตอนตามความเชื่
อที่
อ้
างอิ
งไปตามศาสนาอิ
สลาม ซึ่
งชาวมุ
สลิ
มหรื
อผู้
นั
บถื
อศาสนา
อิ
สลาม จะมี
พิ
ธี
การจั
ดงานแต่
งงานที
แตกต่
างกั
บภาคอื่
นๆ โดยชาวมุ
สลิ
มจะเรี
ยกพิ
ธี
นี้
ว่
า “นิ
กะห์
” ที่
เป็
นความสั
มพั
นธ์
ระหว่
างชายและหญิ
ง เป็
นสิ่
งที่
ทำ
�ให้
มนุ
ษย์
มี
ความสู
งส่
ง เหนื
อสั
ตว์
โลกอื่
นๆ และเชื่
อว่
า ความผู
กพั
นระหว่
างชายหญิ
จะเป็
นความผู
กพั
นด้
วยชี
วิ
ต การประกอบพิ
ธี
แต่
งงาน หรื
อพิ
ธี
นิ
กะห์
แบ่
งออกได้
เป็
น ๒ ประเภท คื
อ การแต่
งงาน
ตามบทบั
ญญั
ติ
ของศาสนา และการแต่
งงานตามประเพณี
ที่
ปฏิ
บั
ติ
กั
การแบ่
งการแต่
งงานหรื
อการประกอบพิ
ธี
นิ
กะห์
ออกเป็
น ๒ ประเภทนั้
น ทำ
�เพื่
อให้
มี
ความแตกต่
างกั
นเพราะ
การแต่
งงานของชาวมุ
สลิ
มบางคนผสมผสานวั
ฒนธรรมชุ
มชนเข้
าไป เช่
น การแห่
เจ้
าสาวเข้
ามั
สยิ
ด โดยมี
ต้
นกล้
วย
ต้
นอ้
อย นำ
�หน้
าขบวน หรื
อการมี
ขนมหวานอย่
างการแต่
งงานแบบไทยนั้
นเป็
นการปฏิ
บั
ติ
ตามประเพณี
ท้
องถิ่
นดั้
งเดิ
ไม่
ใช่
พิ
ธี
กรรมของอิ
สลาม เพราะการแต่
งงานแบบอิ
สลามนั้
น เป็
นบทบั
ญญั
ติ
มี
อายุ
มากกว่
า ๑,๔๐๐ ปี
และห้
ามเสริ
เติ
มแต่
งหลั
กการที่
มี
อยู่
เป็
นอย่
างอื่
๑) การสู่
ขอ ประเพณี
การแต่
งงานในศาสนาอิ
สลาม เริ่
มจากการสู่
ขอ โดยมี
เงื่
อนไขว่
าต้
องสู่
ขอสตรี
ที่
สามารถ
แต่
งงานได้
ด้
วยเท่
านั้
น หมายถึ
งหญิ
งที่
ไม่
ได้
อยู่
ระหว่
าง อิ
ดดะฮ (อยู่
ในช่
วงสามเดื
อนแรกของการหย่
าร้
าง) หรื
อหญิ
สามี
ตาย (ซึ่
งต้
องรอจนครบสี่
เดื
อนกั
บสิ
บวั
นเสี
ยก่
อนจึ
งจะสู่
ขอได้
) เมื่
อฝ่
ายหญิ
งตอบตกลงและกำ
�หนด “มะฮั
ร” คื
เงิ
นที่
ฝ่
ายชายมอบให้
ฝ่
ายหญิ
งเป็
นที่
เรี
ยบร้
อยแล้
ว ก็
ต้
องหาวั
นแต่
งงานตามสะดวก วั
นแต่
งงานเจ้
าบ่
าวจะต้
องยกของ
หมั้
นหรื
อมะฮั
รมาที่
บ้
านเจ้
าสาว หรื
อนั
ดวะลี
ย์
และพยานทั้
งสองฝ่
ายไปเจอกั
นที่
มั
สยิ
ดก็
ได้
นอกจากนี้
ยั
งมี
การกำ
�หนด
วั
นแต่
งงาน เนื่
องจากความเชื่
อของศาสนาอิ
สลามไม่
เชื่
อในเรื่
องโชคชะตา จึ
งไม่
นิ
ยมดู
ฤกษ์
ยามก่
อนแต่
งงานและมี
ข้
อห้
ามไม่
ให้
เชื่
อเรื่
องดวงดาวและโชคชะตาต่
างๆ อี
กด้
วย ดั
งนั้
น ชาวมุ
สลิ
มจึ
งไม่
มี
ฤกษ์
วั
นแต่
งงาน นอกจากความ
สะดวกทั้
งสองฝ่
ายเท่
านั้
๒) คำ
�กล่
าวที่
ใช้
ในพิ
ธี
นิ
กะห์
คำ
�เสนอของวะลี
ย์
คื
อ คำ
�กล่
าวของผู้
ปกครองฝ่
ายเจ้
าสาวเพื่
อให้
เจ้
าบ่
าวยอมรั
การแต่
งงานครั้
งนี้
ซึ่
งเป็
นการตอบรั
บระหว่
างชายหญิ
ง หลั
งจากนั้
นจะมี
การอ่
านคั
มภี
ร์
อั
ลกุ
รอาน(บทที่
ว่
าด้
วยการ
ครองเรื
อน) ให้
บ่
าวสาวฟั
ง เพี
ยงแค่
นี้
ก็
เสร็
จสมบู
รณ์