Page 131 - dcp4

Basic HTML Version

120
“มี
นามไพเราะว่
าพระ
คำ
�หลวง
แรกเรี
ยกตามกระทรวง
กษั
ตริ
ย์
สร้
าง
ที่
ตื้
นตํ่
าสติ
ปวง
ปองเรี
ยก อึ
งมา
ผองอ่
อนแออ่
านอ้
าง
โอ้
เอ้
วิ
หารราย”
ด้
วยเหตุ
ดั
งกล่
าว เมื่
อถึ
งรั
ชสมั
ยพระเจ้
าทรงธรรม จึ
งได้
ประชุ
มบั
ณฑิ
ตแต่
งหนั
งสื
อมหาชาติ
ให้
สั
ปปุ
รุ
ษสวด
ขึ้
นอี
กสำ
�นวนหนึ่
ง ให้
ต่
างไปจากมหาชาติ
คำ
�หลวง เรี
ยกกั
นโดยทั่
วไปว่
า “กาพย์
มหาชาติ
” แต่
แท้
ที่
จริ
งแล้
วมหาชาติ
สำ
�นวนดั
งกล่
าวแต่
งด้
วยร่
ายยาวซึ่
งใช้
ภาษาที่
ชาวบ้
านฟั
งเข้
าใจได้
ง่
ายขึ้
น และเชื่
อว่
ามี
การประดิ
ษฐ์
ทำ
�นองสวด
ขึ้
นใหม่
สำ
�หรั
บสั
ปปุ
รุ
ษที่
เป็
นนั
กสวดทั่
วไปได้
สวดถวายเป็
นพุ
ทธบู
ชาด้
วย ต่
อมาในช่
วงปลายสมั
ยอยุ
ธยา พระภิ
กษุ
จึ
งนำ
สาระจากกาพย์
มหาชาติ
บางส่
วนไปปรั
บใหม่
ด้
วยวิ
ธี
ตั
ด ขยายความ หรื
อแต่
งเป็
นแหล่
นอกเที
ยบเนื้
อ เพื่
อให้
เป็
นลี
ลา
ประกอบการเทศน์
เฉพาะตน จึ
งเกิ
ดเป็
น “มหาชาติ
กลอนเทศน์
” ขึ้
นอี
กหลายสำ
�นวน
แม้
เมื่
อคราวเสี
ยกรุ
งศรี
อยุ
ธยาในพุ
ทธศั
กราช ๒๓๑๐ ทำ
�ให้
หนั
งสื
อมหาชาติ
คำ
�หลวงกระจั
ดกระจายสู
ญหายไป
เกื
อบหมด แต่
เมื่
อถึ
งสมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์
พระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธเลิ
ศหล้
านภาลั
ย ได้
ทรงพระกรุ
ณา โปรดเกล้
าฯ ให้
นั
กปราชญ์
บั
ณฑิ
ตแต่
งมหาชาติ
คำ
�หลวงซ่
อมแซมกั
ณฑ์
ที่
สู
ญหาย คื
อ หิ
มพานต์
ทานกั
ณฑ์
จุ
ลพน มั
ทรี
สั
กบรรพ และ
ฉกษั
ตริ
ย์
ขึ
นใหม่
แต่
ไม่
มี
หลั
กฐานว่
าได้
คิ
ดทำ
�นองสวดคำ
�หลวงสำ
�นวนใหม่
ขึ
นด้
วยหรื
อไม่
เพราะรู
เพี
ยงว่
า ยั
งคงมี
การสวด
มหาชาติ
คำ
�หลวงเป็
นประเพณี
สื
บต่
อกั
นมาเหมื
อนสมั
ยกรุ
งศรี
อยุ
ธยา โดยสวดในพระอุ
โบสถ วั
ดพระศรี
รั
ตนศาสดาราม
มี
หั
วหน้
านั
กสวดได้
รั
บพระราชทานบรรดาศั
กดิ์
ว่
า “ขุ
นทิ
น” กั
บ “ขุ
นทาน” โดยที่
พระมหากษั
ตริ
ย์
จะเสด็
จฟั
การสวดทุ
กนั
ในรั
ชกาลพระบาทสมเด็
จพระนั
งเกล้
าเจ้
าอยู
หั
ว ทรงพระกรุ
ณาโปรดเกล้
าฯ ให้
ตั
งโรงเรี
ยนสอนหนั
งสื
อไทยขึ
นที
โรงทานข้
างประตู
ต้
นสน เมื
อถึ
งเทศกาลที
ขุ
นทิ
น ขุ
นทาน สวดมหาชาติ
คำ
�หลวงในพระอุ
โบสถวั
ดพระศรี
รั
ตนศาสดาราม
จึ
งทรงพระกรุ
ณาโปรดเกล้
าฯ ให้
จั
ดนั
กเรี
ยนโรงทานมาสวดที่
ศาลารายด้
านเหนื
อของพระอุ
โบสถด้
วย แต่
แทนที่
จะ
สวดมหาชาติ
สำ
�นวนพระเจ้
าทรงธรรมตามที่
เป็
นมาก็
เปลี่
ยนเป็
นสวดเที
ยบมู
ลบทแทน เมื่
อขุ
นทิ
น ขุ
นทาน ถึ
งแก่
อนิ
จกรรมแล้
วการสวดมหาชาติ
คำ
�หลวงโดยบั
ณฑิ
ตก็
เรี
ยวลงเหลื
อแต่
สวดกั
ณฑ์
มหาพนเพี
ยงกั
ณฑ์
เดี
ยว
ในรั
ชสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว มี
พระราชดำ
�ริ
จะให้
มี
การสวดตามศาลารายรอบ พระอุ
โบสถ
วั
ดพระศรี
รั
ตนศาสดาราม ซึ่
งมี
ทั้
งหมด ๑๒ ศาลา แต่
ข้
าราชการในกรมธรรมการขณะนั้
นมี
จำ
�นวนน้
อย และผู้
ฟั
งก็
คงจะไม่
ค่
อยสนใจฟั
งสวดเที
ยบมู
ลบทนั
ก จึ
งทรงโปรดเกล้
าฯ ให้
นั
กเรี
ยนโรงทานมาสวดตามหนั
งสื
อ ที่
ตนเรี
ยน คื
เรื่
องกาพย์
พระไชยสุ
ริ
ยาของสุ
นทรภู่
สวดโอ้
เอ้
วิ
หารรายจึ
งกลายจากการฝึ
กหั
ดสวดมหาชาติ
ในสมั
ยกรุ
งศรี
อยุ
ธยา
มาเป็
นสวดเรื
องกาพย์
พระไชยสุ
ริ
ยามาจนทุ
กวั
นนี้
เมื่
อเลิ
กโรงเรี
ยนสอนภาษาไทยที่
โรงทานแล้
ว สมเด็
จพระบรมวงศ์
เธอ
กรมพระยาดำ
�รงราชานุ
ภาพทรงจั
ดนั
กเรี
ยนชั้
นประถมศึ
กษา ๖ โรงเรี
ยน เข้
ามาสวดโอ้
เอ้
วิ
หารรายคื
อ โรงเรี
ยนราชวิ
นิ
โรงเรี
ยนมหาวี
รานุ
วั
ตร โรงเรี
ยนวั
ดชั
ยชนะสงคราม โรงเรี
ยนวั
ดพลั
บพลาชั
ย โรงเรี
ยนวั
ดอมริ
นทราราม และโรงเรี
ยน
วั
ดประยุ
รวงศาวาส แต่
ปั
จจุ
บั
นไม่
ได้
เป็
นไปตามนี้
แล้