Page 42 - dcp3

Basic HTML Version

31
ผ้
าย้
อมคราม
เรี
ยบเรี
ยงโดย อรไท ผลดี
และชั
ยมงคล จิ
นดาสมุ
ทร
ผ้
าครามเป็
นผ้
าภู
มิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
นที่
เกิ
ดจากฝี
มื
อช่
างท้
องถิ่
น ที่
ไม่
ได้
ผ่
านการเรี
ยนรู้
จากระบบทางการศึ
กษา
แต่
เป็
นภู
มิ
ปั
ญญาที่
ถ่
ายทอดกั
นมาจากบรรพบุ
รุ
ษ มาสู่
ลู
กหลานและยั
งถ่
ายทอดมาจนถึ
งปั
จจุ
บั
นผ้
าครามเกิ
ดจากความ
คิ
ดของชาวบ้
าน ซึ่
งเป็
นภู
มิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
น ผ้
าครามเกิ
ดจากเส้
นฝ้
ายและต้
นครามที่
ผ่
านกระบวนการที่
ซั
บซ้
อนยากที่
จะ
ได้
เรี
ยนรู้
จากทั่
วไปได้
แต่
ผ้
าครามเกิ
ดจากการถ่
ายทอดแบบสั
งคมชาวบ้
านที่
มี
กระบวนการ
ปลู
กต้
นฝ้
ายแล้
วผลิ
ตมาเป็
นเส้
นฝ้
าย นํ้
าครามเกิ
ดจากต้
นครามที่
ผ่
านกระบวนการทำ
� โดย
การนำ
�กิ่
งไปมั
ดเป็
นฟ่
อนหรื
อท่
อนเล็
กแล้
วแช่
ลงในโอ่
งดิ
นทิ้
งไว้
ประมาณ ๒ วั
น แล้
วนำ
กากจากกิ่
งใบออก เติ
มปู
นขาวที่
ละลายนํ้
าแล้
วใส่
ลงในโอ่
งดิ
นที่
มี
นํ้
าคราม แล้
วกวนให้
เกิ
ดฟอง แล้
วกวนจากกลิ่
นเน่
าของใบครามให้
เป็
นกลิ่
นที่
ดี
ปล่
อยให้
ตกตะกอน ๒-๓ วั
เมื่
อนํ้
าอยู่
เหนื
อตะกอนเริ่
มใส แล้
วริ
นนํ้
าทิ้
ง เทนํ้
าด่
างที่
เกิ
ดจากขี้
เถ้
าลงในโอ่
ง เพื่
อไม่
ให้
ครามแห้
ง เพื่
อเก็
บเนื้
อครามไว้
ใช้
ย้
อมได้
ตลอดทั้
งปี
ต่
อมาเป็
นขั้
นตอนการก่
อหม้
อคราม ผสมนํ้
าด่
างกั
บนํ้
าที่
เตรี
ยมไว้
ใส่
ในโอ่
งดิ
นเผา
แล้
วนำ
�เนื้
อครามประมาณ ๑ กำ
�มื
อ กั
บปู
นขาวเท่
าหั
วแม่
มื
อผสมลงไปในนํ้
าด่
าง แล้
วกวน
ให้
เข้
ากั
น ต่
อจากนั้
นโจกครามโดยการใช้
ขั
นตั
กนํ้
าครามให้
สู
งพอประมาณแล้
วเทลงไปใน
โอ่
งดิ
นเผาตามเดิ
ม การโจกครามควรโจกวั
นละ ๒ ครั้
ง เช้
า-เย็
น ครั้
งละ ๓-๕ ครั้
ง ทั้
งเช้
และเย็
น รอดู
จนนํ้
าครามขึ้
นฟองเป็
นสี
นํ้
าเงิ
นม่
วง แสดงว่
าหม้
อครามพร้
อมที่
จะย้
อมฝ้
าย
ได้
ชาวบ้
านจะเรี
ยกว่
าเป็
นหม้
อเป็
นหรื
อหม้
อขึ้
ขั้
นตอนการย้
อมฝ้
ายที่
ผ่
านกระบวนการแช่
นํ้
าแล้
วทุ
บเพื่
อให้
ฝ้
ายอ่
อนตั
ว บิ
ดเส้
ฝ้
ายให้
หมาด แล้
วจุ่
มลงในหม้
อคราม ใช้
มื
อขยำ
�เส้
นฝ้
าย แล้
วบี
บเบาๆ ให้
นํ้
าครามเข้
าสู่
เส้
นฝ้
าย แล้
วนำ
�ไปตากผึ่
งลม
เพื่
อนำ
�มาย้
อมใหม่
จนสี
ฝ้
ายสวยงามการทอผ้
าฝ้
ายย้
อมคราม จะมี
วิ
ธี
การทอแบบขิ
ดและแบบมั
ดหมี่
การทอผ้
าคราม
ในปั
จจุ
บั
นจะทอแบบไม่
มี
ลวดลายและมี
ลวดลาย ส่
วนผ้
าครามที่
มี
ลวดลายจะมี
ลายธรรมชาติ
ลายสั
ตว์
ลายใบไม้
ดอกไม้
ลายเรขาคณิ
ต เป็
นต้
ผ้
าครามหรื
อผ้
าอื่
นที่
ทอไม่
ได้
ใช้
ครามย้
อม ก็
เป็
นภู
มิ
ปั
ญญาของชาวบ้
านและยั
งเป็
นผ้
าที่
ผู้
คนบริ
โภค ทั้
งคนใน
ชนบทและคนในเมื
อง เพราะผ้
าครามเป็
นผ้
าเกิ
ดจากฝี
มื
อช่
างทอที่
ไม่
ได้
ผ่
านกระบวนการเรี
ยนรู้
จากสถาบั
นการศึ
กษา
แต่
เป็
นการถ่
ายทอดความรู้
จากรุ่
นสู่
รุ่
น จึ
งทำ
�ให้
ผ้
าครามเป็
นผ้
าภู
มิ
ปั
ญญาที่
หายาก และพร้
อมที่
จะสู
ญหายไปจาก
สั
งคมคนในชนบท เพราะกระบวนการทำ
�ผ้
าคราม เป็
นขบวนการผลิ
ตที่
มี
ความซั
บซ้
อน ตั้
งแต่
ปลู
กคราม ทำ
�นํ้
าคราม
แล้
วนำ
�ฝ้
ายมาย้
อม แล้
วมั
ดลาย นำ
�มาถั
กทอเป็
นผื
น ผ้
าครามจึ
งเป็
นผู้
ที่
ผ่
านมาจากการทำ
�ที่
ทำ
�ด้
วยความรั
ก ความ
ผู
กพั
น ที่
บรรพบุ
รุ
ษถ่
ายทอดไว้
ให้
สู่
ลู
กหลาน จนทำ
�ให้
ผ้
าครามมี
ค่
าในผื
นผ้
าที่
เกิ
ด ฝี
มื
อที่
ผสมผสานบนผ้
าด้
วยงาน
ศิ
ลปะที่
หายาก นั
บวั
นจะสู
ญหายไปจากผู้
ทำ
� และผู้
บริ
โภคก็
ไม่
อาจบริ
โภคได้
เพราะมี
ราคาแพง ที่
ผ้
าครามถู
กผลิ
ตที่
ผ่
านกระบวนการที่
ยากเย็
นแสนเข็
ญ สำ
�หรั
บผ้
าครามภู
มิ
ปั
ญญาของชาวบ้
านอี
สาน
ผ้
าย้
อมคราม ได้
รั
บการขึ้
นทะเบี
ยนเป็
นมรดกภู
มิ
ปั
ญญาทางวั
ฒนธรรมของชาติ
ประจำ
�ปี
พุ
ทธศั
กราช ๒๕๕๔