Page 162 - dcp3

Basic HTML Version

151
ความเป็
นสวั
สดิ
มงคลหรื
อเพื่
อเป็
นการขอขมา ดั
งนั้
น เมื่
อจะประกอบพิ
ธี
กรรมใดๆ จึ
งต้
องมี
การเตรี
ยมเครื่
องคายไว้
เสมอ เรี
ยกว่
า การแต่
งคาย ซึ่
งอี
กนั
ยหนึ่
งคายคื
อ เครื่
องประกอบพิ
ธี
กรรมตามความเชื่
อของชาวอี
สาน ตั
วอย่
างเช่
เมื่
อจะทำ
�การแสดงหมอลำ
� จะต้
องมี
การบู
ชาครู
บาอาจารย์
เรี
ยกว่
า “ตั้
งคาย” เพื่
อทำ
�การบู
ชา คายหมอลำ
�ประกอบ
ด้
วยเหล้
าขาว แป้
งผั
ดหน้
า หวี
กระจก เที
ยนขนาดเล็
ก ๕ คู่
ดอกไม้
๕ คู่
ทั้
งนี้
เครื่
องคายก็
แล้
วแต่
ครู
อาจารย์
จะกำ
�หนด
อาจแตกต่
างกั
นบ้
าง เป็
นต้
ของสำ
�คั
ญที่
จะขาดไม่
ได้
ในคาย คื
อ ขั
น ๕ ซึ่
งหมายถึ
งเครื่
องบู
ชาอย่
างละ ๕ คู่
โดยมากมี
ดอกไม้
๕ คู่
เที
ยน
เล็
ก ๕ คู่
ในบางท้
องที่
อาจมี
หมากพลู
๕ คู่
บุ
หรี่
๕ มวน เพิ่
มอี
ก แล้
วแต่
ความนิ
ยมของแต่
ละท้
องที่
ทั้
งนี้
เราจะเห็
ได้
ว่
า แม้
ในยุ
คปั
จจุ
บั
นคายก็
ยั
งมี
บทบาทต่
อพิ
ธี
กรรมมาก เช่
น เมื่
อจะทำ
�การสร้
างพระอุ
โบสถ ต้
องตั้
งเครื่
องคายบู
ชา
เทวดาและต้
องมี
ครบจะขาดเสี
ยมิ
ได้
ถ้
าขาดถื
อว่
าไม่
เป็
นมงคล ในชุ
มชนที่
นั
บถื
อผี
ฟ้
านั้
นถื
อว่
าคายเป็
นของสำ
�คั
ญที่
จะขาดหรื
อเพิ่
มไม่
ได้
เพราะถ้
าไม่
ตรงตามตำ
�ราผี
จะโกรธและทำ
�ให้
เป็
นปอบได้
คายจึ
งเป็
นเครื่
องบู
ชาที่
ประกอบด้
วยความเชื่
อความศรั
ทธาของชาวอี
สาน ซึ่
งแม้
มิ
ติ
ทางเวลาอาจเปลี่
ยนแปลง
วั
สดุ
บางประการ แต่
มิ
อาจเปลี่
ยนแปลงความเชื่
อ“คาย”ได้
เลย
เครื่
องบายศรี
ภาคกลาง
พจนานุ
กรมฉบั
บราชบั
ณฑิ
ตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้
ให้
ความหมายของคำ
�ว่
า “บายศรี
”ว่
าหมายถึ
งเครื่
องเชิ
ขวั
ญหรื
อรั
บขวั
ญ ทำ
�ด้
วยใบตองรู
ปคล้
ายกระทงเป็
นชั้
นๆ มี
ขนาดใหญ่
เล็
กสอบขึ้
นไปตามลำ
�ดั
บ เป็
น ๓ ชั้
น ๕ ชั้
น ๗
ชั้
น หรื
อ ๙ ชั้
น มี
เสาปั
กตรงกลางเป็
นแกน มี
เครื่
องสั
งเวยอยู่
ในบายศรี
และมี
ไข่
ขวั
ญเสี
ยบอยู่
บนยอดบายศรี
คำ
�ว่
“บายศรี
” เกิ
ดจากคำ
�สองคำ
�รวมกั
นคื
อ “บาย” เป็
นภาษาเขมรแปลว่
า “ข้
าว” และคำ
�ว่
า “ศรี
” เป็
นภาษาสั
นสกฤต
แปลว่
า “มิ่
งขวั
ญ สิ
ริ
มงคล” รวมความแล้
ว “บายศรี
” คื
อ ข้
าวขวั
ญหรื
อข้
าวที่
มี
สิ
ริ
มงคล เราจึ
งพบว่
าตั
วบายศรี
มั
กมี
ข้
าวสุ
กเป็
นส่
วนประกอบและมั
กขาดไม่
ได้
แต่
โดยทั่
วไปเราจะหมายถึ
ง ภาชนะที่
จั
ดตกแต่
งให้
สวยงามเป็
นพิ
เศษด้
วย
ใบตองทำ
�เป็
นกระทง หรื
อใช้
พานเงิ
นพานทองตกแต่
งด้
วยดอกไม้
เพื่
อเป็
นสำ
�รั
บใส่
อาหารคาวหวาน ในพิ
ธี
สั
งเวยบู
ชา
และพิ
ธี
ทำ
�ขวั
ญต่
างๆ
ส่
วนการใช้
บายศรี
ชนิ
ดใดในโอกาสไหนนั้
น มี
ข้
อสั
งเกตง่
ายๆ ว่
าบายศรี
ปากชาม มั
กใช้
ในพิ
ธี
ทำ
�ขวั
ญ ใน
ครั
วเรื
อนอย่
างง่
ายๆ ที่
มิ
ใช่
งานใหญ่
โต เช่
น การทำ
�ขวั
ญเดื
อนเด็
ก หรื
อในพิ
ธี
ตั้
งศาลหรื
อถอนศาลพระภู
มิ
เป็
นต้
ส่
วนบายศรี
ต้
นหรื
อบายศรี
ใหญ่
มั
กใช้
เป็
นเครื่
องบู
ชาเทพยดาตามลั
ทธิ
พราหมณ์
ที่
มิ
ใช่
บู
ชาพระ หรื
อมั
กใช้
ในงานใหญ่
ที่
ครึ
กครื้
น เช่
น ทำ
�ขวั
ญนาค ฉลองสมณศั
กดิ์
หรื
อในการไหว้
ครู
เป็
นต้
น แต่
ในบางงานก็
อาจจะใช้
ทั้
งสองชนิ
ดควบคู่
กั
นไปก็
มี
เป็
นที่
น่
าสั
งเกตว่
าในภาคกลางเรามั
กจะเป็
นการใช้
บายศรี
ในการบวงสรวง พิ
ธี
ไหว้
ครู
หรื
อพิ
ธี
สมโภช
เครื่
องบู
ชาภาคใต้
: เครื่
องบู
ชา โนราโรงครู
ใหญ่
เครื่
องบู
ชาประกอบพิ
ธี
จั
ดเป็
น ๒ ส่
วน คื
อ เครื่
องบู
ชาถวายครู
บนศาลกั
บเครื่
องบู
ชาที่
ห้
องโรง (ที่
พื้
นกลางโรง)
เครื่
องบู
ชาบนศาลประกอบด้
วย หมาก ๙ คำ
� เที
ยน ๙ เล่
ม เครื่
องเชี่
ยน ๑ สำ
�รั
บ กล้
วย ๓ หวี
อ้
อย ๓ ท่
อน ขนมใน
พิ
ธี
วั
นสารทเดื
อน ๑๐ หรื
อวั
นชิ
งเปรต ได้
แก่
พอง ลา ขนมบ้
า ขนมเบซำ
� ขนมเที
ยน ๓ สำ
�รั
บ ข้
าวสารพร้
อมหมากพลู
เที
ยน จั
ดลงในภาชนะที่
สานด้
วยกระจู
ดหรื
อเตยขนาดเล็
กเรี
ยกว่
า “สอบนั่
ง” หรื
อ “สอบราด” ๓ สำ
�รั
บ มะพร้
าว