Page 65 - dcp2

Basic HTML Version

54
เรี
ยบเรี
ยงโดย วรพล ไม้
สน
ความรู้
ที่
ว่
าด้
วยจั
กรวาล ท้
องฟ้
า ดวงดาว และวั
นเวลา รวมเรี
ยกว่
“โชยติ
ศาสตร์
( โชติ
ยศาสตร์
สํ
.,โชติ
สตฺ
ถา บาลี
)
หมายถึ
ง ศาสตร์
ว่
าด้
วยดวงดาว ต่
อมามั
กใช้
คำ
�ว่
“โหราศาสตร์
ซึ่
งมาจากอโห-ราตฺ
ร หมายถึ
ง วั
นและคื
นรวมความแล้
คื
อ ศาสตร์
ที่
ว่
าด้
วยการกำ
�หนดเวลา ซึ่
งมี
ที่
มาจากการโคจรของดวงดาว เมื่
อวิ
ทยาการต่
างๆ ของโลกก้
าวหน้
ามากขึ้
การศึ
กษาความเป็
นไปของจั
กรวาลและดวงดาวมี
การใช้
สมมติ
ฐานและกระบวนการทางวิ
ทยาศาสตร์
ในการศึ
กษา จึ
งพั
ฒนา
เป็
“ดาราศาสตร์
ในระบบที่
สามารถตรวจพิ
สู
จน์
ได้
ด้
วยกฎเกณฑ์
ที่
เป็
นมาตรฐานแน่
นอน
การศึ
กษาดาราศาสตร์
โบราณหรื
อที่
เรี
ยกว่
“โหราศาสตร์
นั้
น นอกจากมุ่
งเน้
นศึ
กษาการปรากฏขึ้
นและโคจร
ที่
แน่
นอนของดวงดาวแล้
ว ยั
งรวมเอาศาสตร์
ต่
างๆอี
กหลายแขนง ได้
แก่
ปรั
ชญา ศาสนา สั
งคมวิ
ทยา คติ
ชนวิ
ทยามาประกอบกั
เพื่
ออธิ
บายผลอั
นเกิ
ดจากจั
งหวะของการเกิ
ดขึ้
น การเปลี่
ยนแปลงไปของวั
ตถุ
ท้
องฟ้
า สะท้
อนความเป็
นไปในสั
งคมตั้
งแต่
ระดั
บมหภาค ได้
แก่
เมื
อง ชุ
มชน ลงไปถึ
งระดั
บปั
จเจกชน โหราศาสตร์
จึ
งได้
รั
บการพั
ฒนาดำ
�รงอยู่
และสื
บทอดองค์
ความรู้
เพื่
อรั
บใช้
สั
งคมมนุ
ษย์
ให้
ดำ
�เนิ
นไปอย่
างราบรื่
น เหมาะสม สั
มพั
นธ์
กั
บช่
วงเวลาต่
างๆ และพร้
อมรั
บกั
บสถานการณ์
ที่
คาดการณ์
ได้
ว่
าจะส่
งผลดี
หรื
อร้
ายต่
อสั
งคมโดยรวมตลอดจนวิ
ถี
มนุ
ษย์
แต่
ละบุ
คคล
การศึ
กษาและถ่
ายทอดองค์
ความรู้
และขนบโหราศาสตร์
ไทยที่
เป็
นแบบแผนแน่
นอนนั้
นอยู่
ในกลุ
มของชนชั้
ผู้
ปกครอง พราหมณ์
นั
กบวช และเสนาบดี
ซึ่
งศึ
กษาวิ
ธี
การคำ
�นวณ การพยากรณ์
และอธิ
บายการโคจรของวั
ตถุ
ท้
องฟ้
าต่
างๆ
จากตำ
�ราดาราศาสตร์
ของอิ
นเดี
ยโบราณ ซึ่
งสื
บหลั
กฐานไปถึ
งคั
มภี
ร์
พระเวทของพราหมณ์
ก่
อนพุ
ทธกาล องค์
ประกอบอั
เป็
นลั
กษณะเฉพาะของโหราศาสตร์
ไทย ประกอบด้
วย
๑) โหราศาสตร์
ภาคคำ
�นวณ
ปรากฏผลอยู่
ใน
รู
ปแบบตารางปฏิ
ทิ
ได้
แก่
ปู
มโหร ปู
มดาวหรื
อปฏิ
ทิ
นปู
ม คื
อ ปฏิ
ทิ
บอกตำ
�แหน่
งดวงดาวในช่
วงเวลานั
น เป็
นสิ่
งจำ
�เป็
นอย่
างยิ่
งที่
จะต้
องใช้
เป็
นหลั
กในการศึ
กษาการโคจรของดวงดาว ใช้
ใน
การพยากรณ์
การวางฤกษ์
เพื่
อประกอบพิ
ธี
กรรมต่
างๆ ซึ่
งเป็
นหน้
าที่
ของโหรหรื
อผู้
ที่
มี
ความรู้
ที่
ต้
องจั
ดทำ
� และบั
นทึ
กการ
เปลี่
ยนไปของท้
องฟ้
าเป็
นประจำ
� ทั้
งนี้
การคำ
�นวณตำ
�แหน่
งของดวงอาทิ
ตย์
และดวงจั
นทร์
นั้
นคำ
�นวณจาก
คั
มภี
ร์
สุ
ริ
ยยาตร์
ซึ่
งถ่
ายทอดมาจาก
คั
มภี
ร์
สู
รยสิ
ทธานต์
ของวราหมิ
หิ
รา นั
กปราชญ์
ชาวอิ
นเดี
ยซึ่
งได้
บั
นทึ
กไว้
เมื่
อประมาณพุ
ทธศตวรรษที่
๑๑ เป็
นสู
ตรคำ
�นวณที่
ใช้
ร่
วมกั
นทั่
วทั้
งเอเชี
ยตะวั
นออกเฉี
ยงใต้
ใช้
ในการคำ
�นวณวั
นที่
ดวงอาทิ
ตย์
ย้
ายเข้
าสู่
ราศี
เมษ
อั
นเป็
นที่
มาของเทศกาลมหาสงกรานต์
–เถลิ
งศกหรื
อปี
ใหม่
เมื
องในล้
านนา ตลอดจนใช้
ในการจั
ดทำ
�ปฏิ
ทิ
นจั
นทรคติ
ประจำ
�ปี
อั
นเป็
นระบบปฏิ
ทิ
นราชการก่
อนที่
จะมี
การปรั
บใช้
ระบบปฏิ
ทิ
นสุ
ริ
ยคติ
ในปั
จจุ
บั
น ซึ่
งต้
องทำ
�ให้
ถู
กต้
องกั
บฤดู
กาลเพราะมี
ส่
วนสำ
�คั
ญต่
อการประกอบอาชี
พหรื
อกิ
จกรรมทางสั
งคม ความเชื่
อ พิ
ธี
กรรมซึ่
งสั
มพั
นธ์
กั
บการดำ
�เนิ
นชี
วิ
ตในรอบปี
หรื
ประเพณี
๑๒ เดื
อน
โหราศาสตร์
ไทย