Page 77 - dcp1

Basic HTML Version

68
แย้
ลงรู
เรี
ยบเรี
ยงโดย รองศาสตราจารย์
ชั
ชชั
ย โกมารทั
แย้
ลงรู
เป็
นการเล่
นคล้
ายชั
กเย่
อที่
ไม่
ใช้
มื
อจั
บเชื
อกแต่
จะใช้
เชื
อกผู
กลำ
�ตั
วปล่
อยปลายเชื
อกไว้
ข้
างหลั
งไปผู
กมั
ดโยงกั
ผู้
เล่
นคนอื่
น แล้
วออกแรงใช้
แต่
ลำ
�ตั
วดึ
งหรื
อลากผู้
เล่
นฝ่
ายตรงข้
ามไปยั
งจุ
ดหมายที่
กำ
�หนด มี
ลั
กษณะเลี
ยนแบบพฤติ
กรรม
ของสั
ตว์
เลื้
อยคลานชนิ
ดหนึ่
ง คื
อ แย้
ซึ่
งถู
กชาวบ้
านวางบ่
วงดั
กจั
บที่
ปากรู
บ่
วงจะรั
ดที่
ลำ
�ตั
วแย้
ขณะที่
แย้
ก็
พยายามจะ
ตะเกี
ยกตะกายหนี
ลงรู
ชาวบ้
านนำ
�ลั
กษณะอาการที่
แย้
ถู
กบ่
วงรั
ดเอวและตะเกี
ยกตะกายหนี
ลงรู
มาดั
ดแปลงเป็
นเกมกี
ฬา
เล่
นกั
น บางท้
องถิ่
นมี
ชื่
อเรี
ยกเป็
นอย่
างอื่
น เช่
น เรี
ยกว่
า แย้
ชิ
งรู
ก็
มี
เฉลิ
มก็
มี
เป็
นต้
น ไม่
ปรากฏหลั
กฐานว่
าเริ่
มมี
การเล่
ครั้
งแรกเมื่
อใด แต่
พบหลั
กฐานว่
าน่
าจะมี
การเล่
นกี
ฬาแย้
ลงรู
กั
นแล้
วตั้
งแต่
ต้
นสมั
ยกรุ
งรั
ตนโกสิ
นทร์
เพราะจากหลั
กฐานพบ
การเล่
นที่
คล้
ายกั
บการเล่
นแย้
ลงรู
ที่
เรี
ยกว่
าชั
กเย่
อชิ
งธงกั
นแล้
วใน ร.ศ. ๑๒๘ ในงานแข่
งขั
นกรี
ฑานั
กเรี
ยนของมณฑลภู
เก็
(สามั
คยาจารย์
สมาคม, ร.ศ. ๑๒๘ <พ.ศ.๒๔๕๒>) และมี
การเล่
นกี
ฬาแย้
ลงรู
หรื
อแย้
ชิ
งรู
กั
นแล้
วใน พ.ศ. ๒๔๖๗ (ขุ
นวิ
ทยวุ
ฒิ
,
๒๔๖๗) แย้
ลงรู
เป็
นกี
ฬาที่
ชาวบ้
านในสมั
ยเก่
ามั
กจะเล่
นเป็
นการออกกำ
�ลั
งกาย และเป็
นการสนุ
กสนานรื่
นเริ
งร่
วมกั
นใน
งานรื่
นเริ
งประจำ
�ปี
ต่
างๆ ของชาวบ้
านเช่
นงานสงกรานต์
งานเฉลิ
มพระชนม์
พรรษา และในงานประเพณี
ต่
างๆ
แย้
ลงรู
เป็
นกี
ฬาที่
เล่
นเลี
ยนแบบอาการดิ้
นรนเอาตั
วรอดของสั
ตว์
เลื้
อยคลานเก่
าแก่
ชนิ
ดหนึ่
งของไทยที่
ชื่
อว่
า “แย้
ซึ่
งในอดี
ตมี
ชุ
กชุ
มอยู่
ทั่
วทุ
กภาคของประเทศ แย้
เป็
นสั
ตว์
ที่
ใช้
ชี
วิ
ตหากิ
นอยู
บนหน้
าดิ
นและขุ
ดรู
เป็
นที่
อยู่
อาศั
ย เป็
นสั
ตว์
มี
คุ
ณค่
ายิ่
งต่
อระบบนิ
เวศน์
และระบบเศรษฐกิ
จพื้
นบ้
าน เป็
นอาหารที่
ทรงคุ
ณค่
าทางด้
านโภชนาการของชาวบ้
าน
แย้
ลงรู
เป็
นกี
ฬาที
มี
ลั
กษณะวิ
ธี
การเล่
นเป็
นเอกลั
กษณ์
เฉพาะของประเทศไทย เป็
นภู
มิ
ปั
ญญาไทยโดยแท้
กล่
าวคื
ลั
กษณะที่
ผู้
เล่
น ๓ หรื
อ ๔ คนใช้
เชื
อกคนละเส้
นนำ
�ปลายเชื
อกด้
านหนึ่
งผู
กเอวไว้
หั
นหลั
งให้
กั
นนำ
�ปลายเชื
อกอี
กด้
านมา
ผู
กมั
ดร่
วมกั
นไว้
แล้
วต่
างคนต่
างออกแรงใช้
ลำ
�ตั
วดึ
งไปข้
างหน้
าแข่
งกั
นไปให้
ถึ
งจุ
ดหมาย โดยไม่
ใช้
มื
อจั
บเชื
อก เป็
นการเล่
ที่
โดดเด่
นในวิ
ธี
การเล่
น ท้
าทาย ตื่
นเต้
นและสนุ
กสนานสุ
ดยอด และยั
งไม่
พบประเทศอื่
นมี
วิ
ธี
การเล่
นเช่
นแย้
ลงรู
มาก่
อน
วิ
ธี
การเล่
ประกอบด้
วย ๑) ผู้
เล่
น ๓ หรื
อ ๔ คนใช้
เชื
อกคนละเส้
น ยาวประมาณ ๓-๔ เมตร นำ
�ปลายเชื
อกด้
าน
หนึ่
งผู
กเอวไว้
ให้
ปมที่
ผู
กอยู่
ข้
างหลั
ง ๒) ให้
ผู้
เล่
นแต่
ละคนยื
นหั
นหลั
งให้
กั
น นำ
�ปลายเชื
อกอี
กด้
านมาผู
กมั
ดร่
วมกั
นไว้
อย่
าง
แน่
นหนา โดยให้
ความยาวเชื
อกจากปมที่
ผู
กร่
วมกั
นไปยั
งด้
านหน้
าเอวของผู้
เล่
นแต่
ละคนยาวเท่
าๆกั
น ๓) ให้
มี
กรรมการ
คนหนึ่
ง ยื
นเหยี
ยบปมเชื
อกที่
ผู
กร่
วมกั
นแนบไว้
ที่
พื้
น แล้
วให้
ผู้
เล่
นแต่
ละคนเดิ
นไปข้
างหน้
าจนเชื
อกตึ
ง เป็
นรู
ป ๓ แฉกหรื
๔ แฉกตามจำ
�นวนผู้
เล่
น ๓ หรื
อ ๔ คน แล้
ววางหรื
อปั
กธงเล็
กๆไว้
ข้
างหน้
าผู้
เล่
นแต่
ละคน ห่
างจุ
ดที่
ผู้
เล่
นแต่
ละคนยื
นเป็
นระยะ
เท่
าๆกั
น (ประมาณ ๓ หรื
อ ๔ เมตร) ๔) เมื่
อได้
สั
ญญาณเริ่
มเล่
นให้
ผู้
เล่
นแต่
ละคนออกแรงใช้
ลำ
�ตั
วดึ
งไปข้
างหน้
าด้
วยการ
เดิ
นหรื
อคลานไปแย่
งธงที่
อยู่
ข้
างหน้
าตนมาให้
ได้
เร็
วที่
สุ
ด ผู้
ใดคว้
าก้
านธงมาถื
อ กำ
�ชู
ขึ้
นได้
ก่
อนจะเป็
นผู้
ชนะ ๕) กติ
กา
การเล่
นคื
อ ห้
ามใส่
รองเท้
ามี
ปุ่
มหรื
อเดื
อย ห้
ามใช้
มื
อจั
บเชื
อก ห้
ามเชื
อกที่
ผู
กเอวหลุ
ดตํ่
ากว่
าสะโพก ห้
ามจั
บผื
นธงให้
จั
บที่
ก้
านธงเท่
านั้