Page 50 - dcp1

Basic HTML Version

41
แข่
งเรื
เรี
ยบเรี
ยงโดย รองศาสตราจารย์
ชั
ชชั
ย โกมารทั
แข่
งเรื
อเป็
นกี
ฬาพื้
นเมื
องเก่
าแก่
ที่
สุ
ดชนิ
ดหนึ่
งของไทย ที่
มี
การเล่
นสื
บทอดต่
อกั
นมาแต่
สมั
ยโบราณสั
นนิ
ษฐานว่
จะมี
การเล่
นแข่
งเรื
อกั
นแล้
วในสมั
ยกรุ
งสุ
โขทั
ย เพราะการศึ
กสงครามในสมั
ยก่
อนมี
ทั้
งทางบกและทางนํ้
าซึ่
งต้
องใช้
เรื
อเป็
พาหนะ ย่
อมต้
องมี
การฝึ
กฝนการพายเรื
อ แข่
งเรื
อด้
วย แต่
ไม่
มี
หลั
กฐานปรากฏเป็
นลายลั
กษณ์
อั
กษร จากหลั
กฐานพบว่
ามี
การเล่
นแข่
งเรื
อกั
นแล้
วในสมั
ยกรุ
งศรี
อยุ
ธยา ดั
งปรากฏในกฎมณเฑี
ยรบาลเกี่
ยวกั
บพระราชพิ
ธี
ต่
างๆ ในสมั
ยกรุ
งศรี
อยุ
ธยา
ได้
กล่
าวถึ
งพระราชพิ
ธี
ประจำ
�เดื
อน ๑๑ ซึ่
งเป็
นการอาษยุ
ชพิ
ธี
นั้
น จะมี
พิ
ธี
แข่
งเรื
อด้
วย (พระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
เจ้
าอยู่
หั
ว, ๒๕๐๕) นอกจากนี้
ในจดหมายเหตุ
ลาลู
แบร์
ยั
งได้
กล่
าวถึ
งการเล่
นแข่
งเรื
อของชาวบ้
านในสมั
ยกรุ
งศรี
อยุ
ธยา
ซึ่
งมั
กมี
การพนั
นปะปนอยู่
ด้
วย และเป็
นการเล่
นที่
นิ
ยมกั
นมากในสมั
ยนั้
นที
เดี
ยว (กรมพระนราธิ
ปประพั
นธ์
พงศ์
, ๒๕๐๕)
การเล่
นแข่
งเรื
อนั
บว่
าเป็
นกี
ฬาพื้
นเมื
องที่
นิ
ยมเล่
นสื
บทอดต่
อเนื่
องกั
นมาโดยตลอด แม้
ในสมั
ยกรุ
งรั
ตนโกสิ
นทร์
ก็
ปรากฏ
หลั
กฐานว่
ามี
การเล่
นแข่
งเรื
อกั
นเป็
นประจำ
�เสมอมา เช่
น ในสมั
ยรั
ชกาลที่
๒ เมื่
อครั้
งทรงโปรดให้
ปรั
บปรุ
งพระราชวั
มี
การขุ
ดสระภายในพระราชวั
งใน พ.ศ. ๒๓๖๑ ก็
ทรงโปรดให้
มี
การแข่
งเรื
อในครั้
งนั้
นด้
วย (พระยาประมู
ลธนรั
กษ์
, ๒๔๖๔)
ในสมั
ยรั
ชกาลที่
๕ การแข่
งเรื
อเป็
นกี
ฬาที่
เล่
นกั
นอย่
างแพร่
หลาย เมื่
อมี
ชาวต่
างชาติ
มาเยี่
ยมเยื
อนก็
ได้
จั
ดการเล่
นแข่
งเรื
อให้
พวกชาวต่
างชาติ
ชมด้
วย ดั
งปรากฏในพระราชนิ
พนธ์
ตอนหนึ่
งความว่
เยนวั
นนี้
มี
กานแข่
งนาวา ที่
กรงน่
าตำ
�หนั
กแพแม่
นํ้
าใหญ่
เรื
อที่
นั่
งกราบสี่
เอกไชย มาพายให้
เจ้
าฝรั่
งเขานั่
งดู
(พระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว, ๒๔๕๖)
การเล่
นแข่
งเรื
อของชาวบ้
านในภาคกลางสมั
ยก่
อนมี
จุ
ดมุ่
งหมาย เพื่
อเป็
นการทำ
�บุ
ญทำ
�กุ
ศล คื
อ ชาวบ้
านจะเล่
นกั
ในเทศกาลทอดกฐิ
น ทอดผ้
าป่
า ซึ่
งจะอยู่
ในช่
วงเดื
อน ๑๐-๑๒ ซึ่
งระยะนี้
จะเป็
นช่
วงฤดู
นํ้
ามาก ชาวบ้
านที่
อยู่
ตามริ
มฝั่
งแม่
นํ้
จะใช้
เรื
อเป็
นพาหนะ เมื่
อมี
งานพิ
ธี
ทำ
�บุ
ญจะมี
การแห่
แหนกั
นทางนํ้
า เพื่
อนำ
�องค์
กฐิ
น องค์
ผ้
าป่
าไปยั
งวั
ด เมื่
อเสร็
จพิ
ธี
ทาง
ศาสนาแล้
วก็
จะมี
การเล่
นแข่
งเรื
อกั
น ซึ่
งถื
อกั
นว่
าผู้
ที่
ร่
วมแข่
งขั
นจะได้
บุ
ญอี
กทางหนึ่
งด้
วยนอกจากนี้
การเล่
นแข่
งเรื
อยั
งมี
การเล่
นเพื่
อจุ
ดมุ่
งหมายอี
กหลายประการ เช่
น บางท้
องถิ่
นจะจั
ดให้
มี
การแข่
งเรื
อในงานทำ
�บุ
ญไหว้
พระประจำ
�ปี
ของแต่
ละ
ท้
องถิ่
น บางแห่
งจะมี
การแข่
งเรื
อเพื่
อเป็
นการบวงสรวงสั
กการะสิ่
งศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ที่
ชาวบ้
านนั
บถื
อ บางแห่
งจั
ดให้
มี
การเล่
แข่
งเรื
อในงานเทศกาลสนุ
กสนานรื่
นเริ
งต่
างๆ เป็
นต้
น อย่
างไรก็
ตามการแข่
งเรื
อมั
กนิ
ยมจั
ดให้
มี
การเล่
นกั
นเฉพาะในฤดู
นํ้
ามาก
เท่
านั้
น การเล่
นแข่
งเรื
อของชาวบ้
านสมั
ยก่
อนในภาคกลาง มั
กจั
ดเป็
นประเพณี
ประจำ
�ปี
และมี
การเล่
นเป็
นที่
แพร่
หลายแทบ
ทุ
กจั
งหวั
ด เช่
น จั
งหวั
ดประจวบคี
รี
ขั
นธ์
ราชบุ
รี
สมุ
ทรสงครามสมุ
ทรสาคร สมุ
ทรปราการ กาญจนบุ
รี
กรุ
งเทพฯ จั
นทบุ
รี
อ่
างทอง สุ
พรรณบุ
รี
สิ
งห์
บุ
รี
และนครสวรรค์
เป็
นต้
ไม่
เพี
ยงแต่
ภาคกลางเท่
านั้
นที่
นิ
ยมเล่
นการแข่
งเรื
อ แต่
ภาคอื่
นๆทุ
กภาค ไม่
ว่
าจะเป็
นภาคเหนื
อภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
และภาคใต้
ก็
ล้
วนมี
การแข่
งเรื
อเป็
นเทศกาลสำ
�คั
ญของแต่
ละภาคทั
งสิ้
น เรื
อพายที่
ใช้
ในการแข่
งขั
นมี
ขนาดเล็
กใหญ่
ตามแต่