Page 53 - บูรพศิลปิน58

Basic HTML Version

38
บู
รพศิ
ลปิ
น พ.ศ. ๒๕๕๘
พระราชกรณี
ยกิ
จด้
านวรรณศิ
ลป์
พระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธเลิ
ศหล้
านภาลั
ยทรงพระปรี
ชาสามารถในด้
านศิ
ลปะสาขาต่
างๆ หลายสาขา
ทั้
งด้
านศิ
ลปกรรม ด้
านดนตรี
ด้
านวรรณกรรมและบทละครเป็
นอย่
างยิ่
ทรงพระราชนิ
พนธ์
งานวรรณกรรมและบทละครต่
างๆ
ที่
ทรงคุ
ณค่
าไว้
จำ
�นวนมาก ได้
แก่
บทละครใน เรื่
องอิ
เหนา
บทละครใน เรื่
องรามเกี
ยรติ์
ตอนหนุ
มานไปถวายแหวนจนถึ
งทศกั
ณฐ์
ล้
ม และตอนพระรามประพาส
ป่
าจนถึ
งพระอิ
ศวรอภิ
เษกพระรามกั
บนางสี
ดา
บทละครใน เรื่
องอุ
ณรุ
บทพากย์
รามเกี
ยรติ์
ตอนนางลอย นาคบาศ พรหมาสตร์
และเอราวั
บทละครนอก เรื่
องไชยเชษฐ์
ตอนนางสุ
วิ
ญชาถู
กขั
บไล่
พระไชยเชษฐ์
ตามนางสุ
วิ
ญชา พระไชยเชษฐ์
เข้
าเฝ้
าท้
าวสิ
งหล และตอนอภิ
เษกพระไชยเชษฐ์
บทละครนอก เรื่
องคาวี
ตอนท้
าวสั
นนุ
ราชหานางผมหอม ตอนท้
าวสั
นนุ
ราชชุ
บตั
ว ตอนนางคั
นธมาลี
ขึ้
นเฝ้
า และตอนพระคาวี
รบกั
บไวยทั
บทละครนอก เรื่
องมณี
พิ
ชั
ย ตอนพราหมณ์
ยอพระกลิ่
นขอมณี
พิ
ชั
ยไปเป็
นทาส
บทละครนอก เรื่
องสั
งข์
ทอง ตอนพระสั
งข์
หนี
นางพั
นธุ
รั
ต ท้
าวสามนต์
ให้
นางทั้
งเจ็
ดเลื
อกคู่
พระสั
งข์
ได้
นางรจนา ท้
าวสามนต์
ให้
ลู
กเขยหาเนื้
อหาปลา พระสั
งข์
ตี
คลี
และท้
าวยศวิ
มลตามพระสั
งข์
บทละครนอก เรื่
องไกรทอง ตอนนางวิ
มาลาตามไกรทองมาจากถํ้
า และตอนไกรทองตามนางวิ
มาลา
กลั
บไปถํ้
กาพย์
เห่
ชมเครื่
องคาวหวาน
เสภาเรื่
อง ขุ
นช้
างขุ
นแผน ตอนพลายแก้
วเป็
นชู้
กั
บนางพิ
ม ขุ
นแผนขึ้
นเรื
อนขุ
นช้
างและได้
นางแก้
กิ
ริ
ยา นางวั
นทองหึ
งนางลาวทอง และตอนขุ
นแผนพานางวั
นทองหนี
นอกจากนี้
พระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธเลิ
ศหล้
านภาลั
ยยั
งมี
พระอั
จฉริ
ยภาพและพระปรี
ชาสามารถด้
าน
ศิ
ลปกรรมและด้
านดนตรี
อย่
างยอดเยี่
ยมอี
กด้
วย
งานด้
านศิ
ลปกรรม
พระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธเลิ
ศหล้
านภาลั
ยทรงงานศิ
ลปกรรมที่
ทรงคุ
ณค่
าไว้
เป็
นมรดก
สำ
�คั
ญของชาติ
เช่
น หน้
าหุ่
นพระยารั
กใหญ่
และพระยารั
กน้
อย ลวดลายพระที่
นั่
งสนามจั
นทร์
หุ่
นพระพั
กตร์
พระพุ
ทธรู
ประธานวั
ดอรุ
ณราชวราราม บานประตู
วิ
หารหลวงวั
ดสุ
ทั
ศนเทพวราราม
งานด้
านดนตรี
ทรงสนพระราชหฤทั
ยด้
านศิ
ลปะการดนตรี
ทรงเชี่
ยวชาญซอสามสายเป็
นอย่
างยิ่
ง พระองค์
มี
ซอคู่
พระหั
ตถ์
อยู่
คั
นหนึ่
ง พระราชทานนามว่
“ซอสายฟ้
าฟาด”
และยั
งทรงพระราชนิ
พนธ์
เพลง
“บุ
หลั
นลอยเลื่
อน”
ซึ่
งเป็
นเพลงที่
มี
ชื่
อเสี
ยงมาก นิ
ยมบรรเลงกั
นต่
อมาจนถึ
งปั
จจุ
บั
ใน พ.ศ. ๒๕๑๑ เนื่
องในโอกาสครบ ๒๐๐ ปี
แห่
งวั
นคล้
ายวั
นพระราชสมภพในพระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธ
เลิ
ศหล้
านภาลั
ย องค์
การการศึ
กษา วิ
ทยาศาสตร์
และวั
ฒนธรรมแห่
งสหประชาชาติ
(UNESCO) ได้
ประกาศพระเกี
ยรติ
คุ
ให้
ทรงเป็
บุ
คคลสำ
�คั
ญของโลก
และคณะรั
ฐมนตรี
มี
มติ
กำ
�หนดให้
วั
นที่
๒๔ กุ
มภาพั
นธ์
ของทุ
กปี
เป็
นวั
“ศิ
ลปิ
นแห่
งชาติ
เพื
อน้
อมรำ
�ลึ
กถึ
งพระมหากรุ
ณาธิ
คุ
ณที่
ทรงสร้
างสรรค์
งานศิ
ลปวั
ฒนธรรมให้
แก่
ชาติ
บ้
านเมื
องเป็
นอเนกประการ และ
กระทรวงวั
ฒนธรรมกำ
�หนดให้
วั
นที่
๒๑ กรกฎาคม ของทุ
กปี
เป็
นวั
“บู
รพศิ
ลปิ
น”
อี
กด้
วย
ทรงได้
รั
บการยกย่
องเชิ
ดชู
พระเกี
ยรติ
คุ
ณเป็
บู
รพศิ
ลปิ
สาขาวรรณศิ
ลป์
พุ
ทธศั
กราช ๒๕๕๘