30
บู
รพศิ
ลปิ
น พ.ศ. ๒๕๕๘
พระยาธรรมปรี
ชา (แก้
ว)
เกิ
ด
ไม่
ปรากฏหลั
กฐาน
ถึ
งแก่
อนิ
จกรรม
ไม่
ปรากฎหลั
กฐาน
ยุ
คสมั
ย
ธนบุ
รี
- รั
ตนโกสิ
นทร์
ประวั
ติ
และการทำ
�งาน
พระยาธรรมปรี
ชา นามเดิ
ม แก้
ว เป็
นชาวเมื
องพิ
จิ
ตร ได้
เข้
ารั
บราชการในกรมพระอาลั
กษณ์
ในสมั
ยธนบุ
รี
ต่
อมาได้
รั
บพระราชทานบรรดาศั
กดิ์
เป็
นพระอาลั
กษณ์
ต่
อมาได้
กราบถวายบั
งคมลาอุ
ปสมบทที
่
วั
ดหงส์
รั
ตนาราม
(วั
ดเจ้
าขรั
วหงส์
) เป็
นผู้
ที่
มี
ความรู้
แตกฉานในพระธรรมวิ
นั
ย สมเด็
จพระเจ้
าตากสิ
มมหาราชโปรดเกล้
าฯ ให้
ดำ
�รง
สมณศั
กดิ์
เป็
นพระราชาคณะที่
“รั
ตนมุ
นี
”
ต่
อมาในรั
ชสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธยอดฟ้
าจุ
ฬาโลกมหาราช ด้
วยทรงนั
บถื
อว่
าพระรั
ตนมุ
นี
เป็
นผู้
มี
ความรู้
ความชำ
�นาญแตกฉานทั้
งภาษาไทยและภาษาบาลี
อี
กทั้
งมี
ความรู้
ในพระพุ
ทธศาสนาอย่
างลึ
กซึ้
ง จึ
งโปรดเกล้
าฯ ให้
ลา
สิ
กขาบทมารั
บราชการในกรมพระอาลั
กษณ์
เมื่
อครั้
งที่
โปรดให้
พระราชาคณะแต่
งไตรภู
มิ
กถาจบหนึ่
ง และให้
ราชบั
ณฑิ
ตแต่
งอี
กจบหนึ่
ง ได้
ทอดพระเนตร
ความทั้
งสองฉบั
บ แล้
วทรงพระราชดำ
�ริ
ว่
าถ้
อยคำ
�สำ
�นวนตลอดจนข้
อความยั
งไม่
แนบเนี
ยนสมพระราชหฤทั
ย จึ
งโปรดให้
พระอาลั
กษณ์
(แก้
ว) ชำ
�ระเรี
ยบเรี
ยงขึ้
นใหม่
สำ
�เร็
จเป็
น
“ไตรภู
มิ
โลกยวิ
นิ
จฉั
ย”
และเมื่
อโปรดให้
สั
งคายนาพระไตรปิ
ฎก
พระอาลั
กษณ์
แก้
วได้
เป็
นหั
วหน้
าราชบั
ณฑิ
ต
นอกจากนี้
พระอาลั
กษณ์
(แก้
ว) ยั
งมี
ส่
วนร่
วมในการชำ
�ระกฎหมายตราสามดวง ซึ่
งชำ
�ระเมื่
อ พ.ศ. ๒๓๔๗
ดั
งปรากฏนามอยู่
ในบานแผนกกฎหมายตราสามดวง
เมื่
อ พ.ศ. ๒๓๒๗ พระอาลั
กษณ์
(แก้
ว) ได้
รั
บพระราชทานบรรดาศั
กดิ์
เป็
นพระยาธรรมปโรหิ
ต เจ้
ากรมพระ
อาลั
กษณ์
แล้
วเลื่
อนขึ้
นเป็
นพระยาธรรมปรี
ชา จางวางราชบั
ณฑิ
ตในสมั
ยรั
ชกาลที่
๑ สั
นนิ
ษฐานว่
า พระยาธรรมปรี
ชา
(แก้
ว) ถึ
งแก่
อนิ
จกรรมในปลายรั
ชกาลที่
๑ หรื
อต้
นรั
ชกาลที่
๒
ผลงานสำ
�คั
ญ
รั
ตนพิ
มพวงศ์
แปลจากภาษาบาลี
เป็
นภาษาไทยเมื่
อ พ.ศ. ๒๓๓๑
คั
มภี
ร์
มหาวงศ์
พงศาวดารลั
งกาทวี
ป แปลจากภาษาบาลี
เป็
นไทยจบปริ
จเฉทที่
๓๖ เมื่
อ พ.ศ. ๒๓๓๙
ไตรภู
มิ
โลกยวิ
นิ
จฉั
ย เรี
ยบเรี
ยงเมื่
อ พ.ศ. ๒๓๔๕
ไตรเพท เรี
ยบเรี
ยง
เสนางคโยคศิ
ลปศาสตร์
เรี
ยบเรี
ยง
ได้
รั
บการยกย่
องเชิ
ดชู
เกี
ยรติ
เป็
น
บู
รพศิ
ลปิ
น
สาขาวรรณศิ
ลป์
พุ
ทธศั
กราช ๒๕๕๘
๔
สมั
ยธนบุ
รี