Page 33 - บูรพศิลปิน58

Basic HTML Version

18
บู
รพศิ
ลปิ
น พ.ศ. ๒๕๕๘
พระเทพโมลี
(กลิ่
น)
เกิ
ไม่
ปรากฏหลั
กฐานแน่
ชั
ด สั
นนิ
ษฐานกั
นว่
น่
าจะประมาณ พ.ศ. ๒๒๘๓
มรณภาพ
ไม่
ปรากฏหลั
กฐาน สั
นนิ
ษฐานว่
า ประมาณ พ.ศ. ๒๓๖๙
ยุ
คสมั
อยุ
ธยา - รั
ตนโกสิ
นทร์
ประวั
ติ
และการทำ
�งาน
ตามประวั
ติ
กล่
าวว่
า พระเทพโมลี
(กลิ่
น) เป็
นเจ้
าอาวาสวั
ดราชสิ
ทธาราม องค์
ที่
๓ ครองวั
ดระหว่
าง พ.ศ.
๒๓๖๘ - ๒๓๖๙ มี
ชื่
อเสี
ยงมากมาแต่
ในรั
ชกาลที่
๑ เมื่
อครั้
งยั
งเป็
นพระมหากลิ่
น ได้
ไปเทศน์
มหาชาติ
ในพระบรม
มหาราชวั
ง เมื่
อ พ.ศ. ๒๓๕๐ ปรากฏนาม
“กั
ณฑ์
มหาพน
พระมหากลิ่
วั
ดราชสิ
ทธาราม สำ
�แดง”
ประวั
ติ
และผลงานของพระเทพโมลี
(กลิ่
น) กล่
าวไว้
ค่
อนข้
างละเอี
ยด ในหนั
งสื
อพระประวั
ติ
สมเด็
พระสั
งฆราชญาณสั
งวร (สุ
ก ไก่
เถื่
อน) เรี
ยบเรี
ยงโดยพระครู
สิ
ทธิ
สั
งวร (วี
ระ ฐานวี
โร) เจ้
าคณะ ๕ วั
ดราชสิ
ทธาราม ว่
“ท่
านเกิ
ดเมื
อประมาณปี
พระพุ
ทธศั
กราช ๒๒๘๓ รั
ชสมั
ยพระเจ้
าอยู่
หั
วบรมโกศ มี
เชื้
อสายรามั
ท่
านบรรพชา-อุ
ปสมบท วั
ดตองปุ
อยุ
ธยา สมั
ยพระเจ้
าเอกทั
ศน์
เมื่
อกรุ
งศรี
อยุ
ธยาล่
มสลาย ท่
านพระมหาศรี
พระขุ
พระเทพโมลี
ครั้
งเป็
นพระกลิ่
น หลบภั
ยข้
าศึ
ก ล่
องลงมาทางใต้
...
ประมาณปี
พระพุ
ทธศั
กราช ๒๓๒๘ พระมหากลิ่
นและคณะ ทราบว่
าพระอาจารย์
สุ
ก มาสถิ
ตวั
ดพลั
ทรงเชี่
ยวชาญวิ
ปั
สสนากรรมฐาน ท่
านและคณะซึ่
งเป็
นเชื้
อสายรามั
ญ จึ
งได้
เข้
าไปกราบนมั
สการขออนุ
ญาต พระมหา
สุ
เมธาจารย์
ซึ่
งเป็
นเจ้
าอาวาส วั
ดกลางนา (วั
ดตองปุ
หรื
อวั
ดชนะสงคราม) ซึ่
งเป็
นพระสงฆ์
นิ
กายรามั
ญ เพื่
อมาศึ
กษา
พระกรรมฐานในสำ
�นั
กพระญาณสั
งวรเถร (สุ
ก)...
พระญาณสั
งวรเถร (สุ
ก) ทรงเห็
นว่
า พระมหากลิ่
นยั
งมี
จิ
ตใจสั
บสนวุ่
นวายอยู่
ระหว่
างการเจริ
ญสมาธิ
กั
บการ
ศึ
กษาพระบาลี
มู
ลกั
จจายน์
จิ
ตใจของท่
านจึ
งสั
บสนลั
งเลอยู่
สมาธิ
ไม่
อาจตั้
งได้
พระญาณสั
งวรเถร (สุ
ก) พระองค์
ท่
าน
ทรงทราบด้
วย เจโตปริ
ยญาณ คื
อการกำ
�หนดใจผู้
อื่
นได้
จึ
งยั
งไม่
ให้
ท่
านเจริ
ญภาวนาพระกรรมฐาน แต่
ให้
ท่
านกลั
บไป
ตั้
งสติ
เขี
ยนอั
กขระขอมพระบาลี
มู
ลกั
จจายน์
มาก่
อน เมื่
อจิ
ตสงบเป็
นสมาธิ
ดี
แล้
ว จึ
งจะให้
มาศึ
กษาทางเจริ
ญภาวนาพระ
กรรมฐานมั
ชฌิ
มา แบบลำ
�ดั
บกั
บพระองค์
ท่
าน กาลต่
อมา... ท่
านก็
ได้
ขึ้
นพระกรรมฐานกั
บ พระญาณสั
งวรเถร (สุ
ก)
...ท่
านศึ
กษาด้
านภาวนาอยู่
ประมาณ ๒ ปี
เศษ ท่
านก็
จบสมถวิ
ปั
สสนากรรมฐานมั
ชฌิ
มา แบบลำ
�ดั
บ ท่
านได้
เที่
ยวออก
สั
ญจรจาริ
กรุ
กขมู
ลครั้
งแรกไปกั
บหมู่
คณะสงฆ์
วั
ดราชสิ
ทธาราม ต่
อมาท่
านก็
ธุ
ดงค์
แต่
องค์
เดี
ยว...
สมั
ยต่
อมาท่
านได้
นำ
�เอาประสบการณ์
การออกสั
ญจรจาริ
กธุ
ดงค์
การเดิ
นป่
า มาแต่
งวรรณกรรม
มหาเวสสั
นดรชาดก กั
ณฑ์
มหาพน จนมี
ชื่
อเสี
ยงโด่
งดั
ง...”
พระเทพโมลี
(กลิ่
น) ได้
รั
บพระราชทานสมณศั
กดิ์
ตามลำ
�ดั
บ ดั
งนี้
“...ปี
พระพุ
ทธศั
กราช ๒๓๕๘ ได้
รั
บแต่
งตั้
งเป็
นพระราชาคณะ เป็
นพระคณาจารย์
เอกฝ่
ายคั
นถธุ
ระ
...ปี
พระพุ
ทธศั
กราช ๒๓๕๙ วั
นพฤหั
ส เดื
อน ๙ แรม ๗ คํ่
า ปี
ชวด ในรั
ชกาลที่
๒ พระมหากลิ่
น ได้
รั
พระราชทานสมณศั
กดิ์
เป็
นพระราชาคณะฝ่
ายคั
นถธุ
ระที่
พระรั
ตนมุ
นี
เมื่
ออายุ
ได้
๖๙ ปี
สมั
ยอยุ
ธยา