Page 210 - บูรพศิลปิน58

Basic HTML Version

195
บู
รพศิ
ลปิ
น พ.ศ. ๒๕๕๘
ศาสตราจารย์
ศิ
ลป์
พี
ระศรี
เกิ
๑๕ กั
นยายน พ.ศ. ๒๔๓๕ ที่
ประเทศอิ
ตาลี
ถึ
งแก่
กรรม
๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๕
ยุ
คสมั
รั
ตนโกสิ
นทร์
(รั
ชกาลที่
๕ - รั
ชกาลที่
๙)
ประวั
ติ
และการทำ
�งาน
ศาสตราจารย์
ศิ
ลป์
พี
ระศรี
เดิ
มชื่
อ คอร์
ราโด เฟโรจี
(Corrado Feroci)
เป็
นชาวฟลอเรนซ์
ประเทศอิ
ตาลี
เป็
นบุ
ตรของอาร์
ทู
โด (Artudo Feroci )
และนางซั
นติ
มา (Santima Feroci) และได้
โอนสั
ญชาติ
เป็
นไทยและใช้
ชื่
อไทย
ว่
า ศิ
ลป์
พี
ระศรี
เมื
อ พ.ศ. ๒๔๘๗ เนื
องจากในช่
วงสงครามโลกครั้
งที่
๒ ท่
าน
ได้
ถู
กควบคุ
มตั
ว และได้
รั
บความช่
วยเหลื
อจากอธิ
บดี
กรมศิ
ลปากรในขณะนั้
(หลวงวิ
จิ
ตรวาทการ) เจรจาปล่
อยตั
วได้
สำ
�เร็
จ ท่
านจึ
งเลิ
กล้
มจะถื
อสั
ญชาติ
อิ
ตาเลี
ยน
การศึ
กษา เข้
าศึ
กษาในโรงเรี
ยนประถมศึ
กษา เมื
องฟลอเรนซ์
และโรงเรี
ยน
มั
ธยมศึ
กษา ในประเทศอิ
ตาลี
และเข้
าศึ
กษาต่
อในราชวิ
ทยาลั
ยศิ
ลปแห่
งฟลอเรนซ์
(The Royal Academy of Art of
Florence) จนจบการศึ
กษาได้
รั
บประกาศนี
ยบั
ตรวิ
ชาจิ
ตรกรรมและประติ
มากรรม เกี
ยรติ
นิ
ยมอั
นดั
บหนึ่
ง และได้
รั
บการ
คั
ดเลื
อกจากรั
ฐบาลอิ
ตาลี
เพี
ยงคนเดี
ยวจากประติ
มากรอิ
ตาลี
๒๐ คน ให้
เข้
ามารั
บราชการเป็
นประติ
มากร นายช่
างศิ
ลป์
เอก
ในประเทศสยาม และได้
เดิ
นทางเข้
ามาเมื
องไทย เมื่
อวั
นที่
๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๖ เพื่
อเข้
ารั
บราชการในตำ
�แหน่
งช่
างปั้
กรมศิ
ลปากร กระทรวงวั
ง เริ่
มปั้
นงานชิ้
นแรกคื
อพระบรมรู
ปพระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธยอดฟ้
าจุ
ฬาโลกมหาราชประดิ
ษฐาน
ณ ปฐมบรมราชานุ
สรณ์
ผู้
ออกแบบพระบรมราชานุ
สาวรี
ย์
คื
อ สมเด็
จฯ เจ้
าฟ้
ากรมพระยานริ
ศรานุ
วั
ดติ
วงศ์
ผู้
ออกแบบ
สะพานพระพุ
ทธยอดฟ้
า คื
อ ม.จ.อิ
ทธิ
เทพสรรค์
กฤดากร สถาปนิ
กที่
เรี
ยนมาจากฝรั่
งเศส อนุ
สาวรี
ย์
ชิ้
นแรกของ
ศาสตราจารย์
ศิ
ลป์
เปิ
ดพร้
อมกั
บสะพานพุ
ทธยอดฟ้
า เมื่
อวั
นที่
๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๕
พ.ศ. ๒๔๗๖ ศาสตราจารย์
ศิ
ลป์
พี
ระศรี
ได้
ร่
วมกั
บหั
วหน้
ากองสถาปั
ตยกรรม กรมศิ
ลปากร ก่
อตั้
งโรงเรี
ยน
ศิ
ลปากร แผนกช่
าง ซึ่
งมี
พระสาโรชรั
ตนนิ
มมานก์
เป็
นแกนสำ
�คั
ญ เปิ
ดสอนได้
๒ ปี
เปลี่
ยนชื่
อเป็
นโรงเรี
ยนประณี
ศิ
ลปกรรม จนได้
ยกฐานะขึ้
นเป็
น มหาวิ
ทยาลั
ยศิ
ลปากร เมื่
อเปิ
ดเรี
ยนครั้
งแรกได้
เปิ
ดสอน ๒ คณะคื
อ คณะจิ
ตรกรรม
และคณะประติ
มากรรม ศาสตราจารย์
ศิ
ลป์
พี
ระศรี
ได้
รั
บการแต่
งตั้
งให้
เป็
นคณบดี
ทั้
ง ๒ คณะ และเป็
นผู้
รั
กษาการ
ในคณะมั
ณฑนศิ
ลป์
ที่
เปิ
ดเพิ่
มขึ้
นอี
กคณะหนึ่
ง ในช่
วงสภาวะสงครามนั้
น ศาสตราจารย์
ศิ
ลป์
พี
ระศรี
ได้
เดิ
นทางกลั
ประเทศอิ
ตาลี
ถึ
ง ๔ ครั้
ง เนื่
องจากเงิ
นเดื
อนไม่
พอกั
บการดำ
�เนิ
นชี
วิ
ต ต่
อมารั
ฐบาลไทยมี
หนั
งสื
อให้
ท่
านกลั
บมาและ
เพิ่
มเงิ
นเดื
อนให้
จึ
งได้
เดิ
นทางกลั
บมายั
งประเทศไทยอี
ก เนื่
องจากยั
งมี
งานคั่
งค้
างอยู่
มาก และท่
านก็
รั
กเมื
องไทยด้
วย
พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้
รั
บการแต่
งตั้
งให้
เป็
นประธานกรรมการสมาคมศิ
ลปกรรมแห่
งชาติ
อั
นเป็
นส่
วนหนึ่
งของ
สมาคมศิ
ลปกรรมนานาชาติ
ซึ่
งมี
สำ
�นั
กงานใหญ่
อยู่
ที่
ปารี
พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็
นผู้
แทนของไทยไปประชุ
มศิ
ลปิ
นนานาชาติ
ที่
เวนิ
ชเป็
นครั้
งแรก
พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็
นอาจารย์
ประติ
มากร กรมศิ
ลปากร กระทรวงศึ
กษาธิ
การ
พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็
นผู้
แทนของประเทศไทยไปร่
วมประชุ
มศิ
ลปิ
นนานาชาติ
ครั้
งที่
๓ ณ กรุ
งเวี
ยนนา ประเทศ
ออสเตรี
ย ในการประชุ
มครั้
งนี้
ท่
านได้
นำ
�บทความศิ
ลปะเรื่
อง
“Comtemparary Art in Thailand”
ทำ
�ให้
ศิ
ลปิ
นที่
มี
ชื่
อเสี
ยงทั้
งหลายเกิ
ดความสนใจในศิ
ลปะไทยเป็
นพิ
เศษและรู้
จั
กประเทศไทยดี
ขึ้
น ทั้
งยั
งเป็
นการนำ
�ไปสู่
โครงการ
แลกเปลี่
ยนงานด้
านจิ
ตรกรรมและศิ
ลปะอื่
นๆ กั
บศิ
ลปิ
นนานาประเทศด้
วย
๔๑
สมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์