Page 79 - กัมมัฏฐานโบราณล้านนา
P. 79

๖๔

กมั มฎั ฐานเพ่ือต้องการมรรคผลช้ันสูง ภิกษุหนุ่มเม่ือไม่เห็นสามเณรก็เรียกว่าสามเณร สามเณรน้ันคิด
ว่า จาเดิมแต่กาลท่ีเราบรรพชา ไม่เคยกล่าวคาสองกับภิกษุ เราจักยังคุณวิเศษชั้นสูงให้บังเกิดแม้ใน
วันอื่นดังนี้ จึงได้ขานรับว่า อะไรขอรับ เม่ือภิกษุหนุ่มเรียกว่า มาน่ี ด้วยคาเดียวเท่านั้น สามเณรนั้นก็
มา กล่าวว่า ท่านขอรับ ขอท่านจงเดินไปตามทางนี้ก่อน แล้วยืนหันหน้าไปทางทิศทะวันออก แลดู
ตรงที่ที่กระผมยืนอยู่สักครู่เถิด ภิกษุนั้นกระทาตามน้ัน ได้บรรลุคุณวิเศษท่ีสามเณรน้ันบรรลุแล้ว
เหมอื นกนั อสภุ เดยี วเกดิ ประโยชน์แกช่ น ๒ คน ดว้ ยประการฉะน้.ี ..”๑

         พระพรหมโมลี๒ ไดอ้ ธิบายรายละเอยี ดของอสภุ กมั มัฏฐานแตล่ ะประเภทไดด้ งั น้ี
         อุทธุมาตกอสุภ คือ ซากศพที่น่าเกลียด โดยมีอาการข้ึนพองภายหลังจากท่ีได้ตายมาแล้ว
๒-๓ วัน
         วินีลกอสุภ คอื ซากศพที่นา่ เกลยี ด มีสีต่างๆ ปนกัน ที่มีเนื้อมากก็มีสีเหลือง ท่ีเป็นหนองก็
มีสีขาว แตโ่ ดยสว่ นมากขน้ึ อดื เป็นสเี ขยี ว
         วิปุพพกอสุภ คือ ซากศพที่น่าเกลียด โดยมีน้าเหลืองและน้าหนองไหลออกจากเน้ือท่ีปริ
เปอื่ ยพัง
         วิจฉิททกอสุภ คือ ซากศพท่ีน่าเกลียด โดยสรีระร่างแห่งซากศพน้ัน ถูกตัดให้ขาดเป็น ๒
ท่อน
         วิกขาขิตกอสุภ คือ ซากศพท่ีน่าเกลียด โดยเป็นซากศพท่ีถูกสัตว์ๆ มีแร้ง กา สุนัข กัดท้ึง
ยอ้ื แยง่ กนั อย่อู ย่างชุลมุน
         วิกขิตตกอสุภ คือ ซากศพท่ีน่าเกลียด โดยเป็นซากศพท่ีถูกทิ้งเร่ียราดไว้ มือ เท้า ศีรษะ
อยูก่ ระจัดกระจายกนั ไป
         หตวิกขิตกอสุภ คือ ซากศพที่น่าเกลียด โดยเป็นซากศพที่ถูกสับฟันด้วยศัสตราวุธ ท้ิง
เรย่ี ราดอยู่ แลดูนา่ สังเวชนัก
         โลหิตกอสุภ คือ ซากศพที่น่าเกลียด โดยเป็นซากศพท่ีมีโลหิตไหลอาบร่าง แลดูน่าสังเวช
สลดใจเปน็ นกั หนา
         ปุฬุวกอสุภ คือ ซากศพท่ีน่าเกลียด โดยเป็นซากศพท่ีมีหมู่หนอนไต่ตอมย้ัวเย้ีย ซ่ึง
มองเห็นแลว้ กอ่ ใหบ้ งั เกิดความสลดใจไดม้ าก
         อัฏฐิกอสุภ คือ ซากศพท่ีน่าเกลียด โดยเป็นซากศพท่ีปราศจากเนื้อหนัง มีแต่กระดูกเป็น
โคร่งร่างอยู่ ซึง่ เมอื่ แลดแู ล้ว กท็ าใหเ้ กิดความสังเวชใจ
         ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการพรากกายมนุษย์นั้น ได้อธิบายถึงความเข้าใจผิดของ
ภิกษุที่ปฏิบัติอสุภกัมมัฏฐาน๑ ไว้ดังน้ีว่า “...ภิกษุทั้งหลายสนทนากันว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส

        ๑ ท.ี สี. ๑๑/ ๑๔๐/ ๔๑๙.
        ๒ พระพรหมโมลี (วลิ าศ ญาณวโร), ภาวนาทีปน,ี หน้า ๒๒-๒๓.
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84