Page 268 - กัมมัฏฐานโบราณล้านนา
P. 268

๒๕๓

         ทานสหาโยนั้น บุคคละผู้ใดและมาห้ือทานยังของอันเสมอตนกินตนบริโภคน้ันดังฤาก็หื้อ
ทานเปน็ ดังอั้น แมจ้ กั ทานอันยงิ่ กบ็ ่ได้ เหตวุ ่าตัณหาตัวนั้นหากมาก้ังบังไว้บ่ห้ือทานได้แล อันน้ีก็ได้ชื่อ
วา่ เป็นสหายแกท่ า่ น ครั้นบุคคละผู้

         (๖) นน้ั เกดิ มาในภาวะชาติอันใด ก็ดมี รี ูปโฉมและปญั ญาก็ปานกลางจอุ ้ันแล
         ทานสามิโกน้ัน บุคคลหญิงชายผู้ใดและมาขงขวายหายังของทานห้ือได้ด้วยอันยิ่งอัน
บรสิ ุทธดิ์ ีงามเหลอื กว่าอนั ตนกนิ ตนบรโิ ภค ไปหื้อทานด้วยใจอันใสอนั หลิ่งน้อม (เอนมา) ในนิพพานแท้
ดังอั้น นี้ก็ได้ช่ือว่าทานสามิโก เหตุว่าของทานน้ันเป็นเจ้าแก่เฮาแล เหตุว่าสัทธารูปนั้น มาเล็งหันยัง
ภาวะทุกข์ทั้งหลาย และมากาจัดเสียยังมัจฉริยกรรมตระหนี่และตัณหาตัวนั้น บ่หื้อมาครอบงากุสละ
จติ ลกู นนั้ ได้ บุคคลหญิงชายผ้นู ้นั เกิดมาในภาวะชาติอันใดก็ดี ก็เที่ยงมีรูปโฉมโลมพรรณวรรณะอันเลา
งามยิ่งกว่าคนทั้งหลาย เฑียรย่อมเกิดมาในขระกูลอันย่ิงอันประเสริฐ คือ ว่าขระกูลท้าวพญามหา
กษตั รยิ ์ และพราหมณะ คหบดีสคว่ ยเศรษฐีอนั มขี ้าวของมากนัก อันมีวัตถุอันใดก็ดี เป็นอันยิ่งเสมอใจ
ชุกนั จะ๊ แล แม้ว่าในชาติอนั สดุ อนั ซอ้ ย คนั ได้ถึงยังอรหันตาดงั อั้นก็อุดมประเสริฐนัก ประกอบได้ด้วยเต
วิชาฉฬาภิญญา ดาดินบินบนได้ชุอัน ก็เหตุอันหื้อทานยังของอันยิ่งอันประเสริฐน้ันแล บุคคละผู้หื้อ
ทานเปน็ สนั น้ี จักไดช้ ือ่ ว่าสหาโย ในชาตอิ นั สุดอนั ซ้อยยอ่ มเท่าได้บ่ปานกลางชุอันหน้ั แล
         บุคคลหญิงชายผ้ใู ด หือ้ ทานด้วยบทหอื้ วา่ ทาโสทาน (ทานแบบทาส) น้ัน ในชาติอันสุดอัน
ซ้อยนั้นได้เป็นอรหันตา ก็เท่าพอได้ตัดเสียยังกิเลสนานา หื้อได้ไขแจ้งแล้ว ลวดนิพพานไปเป็นอรหัน
ตา กล็ วดตายตกไปพร้อมกับด้วยจิตนิพพานไปหั้นแล
         บุคคลหญิงชายผู้ใดได้ห้ือทานอันต่ายอบน้ัน ได้เสวยผละอานิสงส์ก็ต่ายอบแล ได้หื้อทาน
อันปานกลาง มีผละกป็ านกลาง ไดห้ อื้ ทานอันยิ่งเมื่อภายลูนกไ็ ด้เสวยผละน้นั ก็เปน็ อันยิ่งอนั ประเสริฐชุ
อนั แล
         กล่าวองค์ยังลักขณะแห่งอันหื้อทานเจ็ดจาพวกก็แล้วด้วยอันย่ออันแคบก็แล้วเท่านี้ก่อน
แล
         ในท่ีน้ีจักกล่าวยัง นัยเจตนาทานนี้ก่อนแล อันหนึ่งช่ือว่าบุพพเจตนา อันหน่ึงชื่อว่ามูญจ
นะเจตนา อันหนงึ่ ชอื่ ว่าอัปรภาคะเจตนา (อัปปรภาคเจตนา)
         ปนั ด่งั บุพพเจตนาน้นั คอื วา่ ไดเ้ จตนาอนั รู้พิจารณาขงขวายหายังวัตถุท้ังหลายต่างๆ มีจีวร
เป็นต้น หื้อได้ด้วยอันชอบธรรมแท้ ยามเม่ือจักห้ือทานนั้น ควรหื้อแป๋งใจหื้อเลื่อมใส อย่าห้ือคาโกรธ
เกดิ มหี อ้ื มีใจยนิ ดเี ป็นดงั สัมปติ (สมบัต)ิ จักมาถงึ ตน๋ ในวันพรุ่งนน้ั แท้อันนีก้ ็ไดช้ อื่ ว่าบพุ พเจตนาแล
         มญู จนะเจตนานั้นคือว่า ไดย้ ามเมือ่ ยอของทานไปเพ่ือจะหื้อทานนั้น ก็เจาะของทานใส่หัว
ดว้ ยคาวา่ สุทนิ ตงั วตะ เม ทานัง นพิ พานะ ปัจจะโย โหนตุ เม นิจจัง ธุวัง ดังนี้แล้ว ยอไปด้วยมือแห่ง
ตนแท้ หื้อร่าเปิงในใจว่า ของทานกูอันนี้ ก็เป็นอันย่ิงอันบริสุทธ์ิแท้ อันอาจจะนาตนกู ห้ือได้ถึงยัง
นพิ พานภายหน้าแท้ บ่สงสัยจ๊ะแล
   263   264   265   266   267   268   269   270   271   272   273