อาหาร วิ
ถี
ถิ่
น กิ
นอย่
างไทย
|
163
ที่
มาของน�้
ำบู
ดู
เกิ
ดจากความอุ
ดมสมบู
รณ์
ของทรั
พยากรที่
ท�
ำให้
คนภาคใต้
ไม่
เคย
ขาดแคลนอาหารทะเล เมื
่
อมี
มากเกิ
นบริ
โภคหมดในคราวเดี
ยวจึ
งน�
ำมาแปรรู
ปเพื่
อถนอม
อาหารไว้
ใช้
บริ
โภคได้
เป็
นเวลานาน น�้
ำบู
ดู
เป็
นหนึ่
งในภู
มิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
นของชาวปั
กษ์
ใต้
ที่
น�
ำปลาทะเลซึ่
งเหลื
อจากการจ�
ำหน่
ายหรื
อการบริ
โภค เช่
น ปลากะตั
ก ปลาไส้
ตั
น มาหมั
ก
กั
บเกลื
อ ผลลั
พธ์
ที่
ได้
มี
ลั
กษณะคล้
ายน�้
ำปลาแต่
น�้
ำข้
นกว่
าน�้
ำปลา ใช้
ผสมในอาหารต่
าง ๆ
ของชาวใต้
และเป็
นเครื่
องปรุ
งรสเช่
นเดี
ยวกั
บปลาร้
าในถิ่
นอี
สาน
รสชาติ
ของข้
าวย�
ำสามารถปรั
บเปลี่
ยนได้
ตามความนิ
ยมของผู
้
บริ
โภค เมื่
อผสมข้
าว
มะพร้
าวคั่
ว กุ้
งแห้
งป่
นและผั
กต่
าง ๆ ลงในจาน หากชอบรสจั
ด เมื่
อราดน�้
ำบู
ดู
ลงผสมแล้
ว
อาจบี
บมะนาวและใส่
พริ
กป่
นเติ
มเข้
าไป แต่
ส่
วนใหญ่
ในผั
กและผลไม้
ที่
รวมอยู
่
ในหมวด
ข้
าวย�
ำมั
กมี
ผลไม้
รสเปรี
้
ยว เช่
น ส้
มโอหรื
อมะม่
วงผสมอยู
่
ให้
รสชาติ
กลมกล่
อมดี
แล้
ว
จึ
งไม่
จ�
ำเป็
นต้
องเติ
มมะนาว บางต�
ำรั
บอาจใส่
ข้
าวพองเพิ่
ม หรื
อรั
บประทานคู่
กั
บไข่
ต้
ม
ข้
าวย�
ำได้
สะท้
อนให้
เห็
นถึ
งความชาญฉลาดด้
านโภชนาการของบรรพบุ
รุ
ษที่
ค้
น
ข้
าวย�
ำให้
มี
คุ
ณค่
าทางโภชนาการครบ ๕ หมู
่
ในจานเดี
ยว เพราะมี
ทั้
งโปรตี
นจาก
เนื้
อปลาป่
นและกุ้
งป่
น คาร์
โบไฮเดรตจากข้
าว ไขมั
นจากมะพร้
าวคั่
ว วิ
ตามิ
นและแร่
ธาตุ
ต่
างๆ จากผั
กสดนานาชนิ
ดที่
น�
ำมาแนมมี
สรรพคุ
ณแก้
ไขข ้
อ นั
บเป็
นอาหาร
เพื่
อสุ
ขภาพ มี
ไขมั
นต�่
ำ อุ
ดมด้
วยใยอาหารจากผั
กหลายชนิ
ด มี
สารต่
อต้
านอนุ
มู
ล
อิ
สระ ถ้
าเป็
นสู
ตรดั้
งเดิ
มจะเพิ่
มส่
วนผสมที่
มี
สรรพคุ
ณทางยาเข้
าไปอี
ก เช่
น ใบมะม่
วงหิ
มพานต์
ซึ่
งมี
รสฝาด ช่
วยแก้
ท้
องร่
วง จั
นทร์
หอม หรื
อภาคใต้
บ้
านเราเรี
ยก กะเสม ช่
วยแก้
ท้
องอื
ด
และเจริ
ญอาหาร เพราะมี
กลิ่
นหอมชวนกิ
นและช่
วยบ�
ำรุ
งหั
วใจ
“
น�้
ำบู
ดู
มี
คุ
ณค่
าทางอาหารที่
มี
ประโยชน์
ต่
อร่
างกาย ได้
แก่
โปรตี
น ไขมั
น
คาร์
โบไฮเดรต และวิ
ตามิ
น รวมทั้
ง
แร่
ธาตุ
อื่
นๆ เช่
น แคลเซี
ยม ฟอสฟอรั
ส
และเหล็
ก น�้
ำบู
ดู
เป็
นผลิ
ตภั
ณฑ์
ปลาหมั
ก
ของคนใต้
คล้
ายกั
บ
“ปลาร้
า”
ของคน
อี
สาน ต่
างกั
นตรงวั
ตถุ
ดิ
บที่
ใช้
แต่
เหมื
อนกั
นที่
คุ
ณค่
าของภู
มิ
ปั
ญญา
ท้
องถิ่
นที่
ถ่
ายทอดจากรุ่
นสู่
รุ่
น จากอดี
ต
ถึ
งปั
จจุ
บั
น
”