Page 50 - มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม๒๕๕๒

Basic HTML Version

42
มรดกภู
มิ
ปั
ญญาทางวั
ฒนธรรม
หนั
งตะลุ
ง ค ื
อ ศ ิ
ลปะการแสดงประจำท้
องถ ิ่
อย่างหนึ่
งของภาคใต้ เป็
นมหรสพที่
นิยมแพร่หลายอย่างยิ่
มาเป็
นเวลานาน นั
กวิ
ชาการเชื่
อว่
ามหรสพการแสดงเงา
ประเภทหนั
งตะลุ
งนี
้ เป็
นวั
ฒนธรรมเก่
าแก่
ของมนุ
ษยชาติ
เคยปรากฏแพร่
หลายทั
งในแถบประเทศยุ
โรปและเอเชี
ในแถบเอเชี
ยการแสดงหนั
งตะลุ
งได้
แพร่
หลายเข้
าสู
เอเชี
ตะวั
นออกเฉียงใต้ มีประเทศอินโดนีเซีย (ชวา) เขมร พม่า
มาเลเซีย และประเทศไทย
แต่
เดิ
มคนในท้
องถิ่
นภาคใต้
เร ี
ยกหนั
งตะลุ
งสั
นๆ
ว่
า “หนั
ง” ดั
งคำกล่
าวที่
ได้
ยิ
นกั
นว่
า “ไปแลหนั
งโนรา”
จึ
งสั
นนิ
ษฐานว่
า คำว่
า “หนั
งตะลุ
ง” คงจะเริ่
มใช้
เมื่
อมี
การ
นำหนั
งจากภาคใต้ไปแสดงให้เป็
นที่
รู
้จั
กในภาคกลาง จึงได้เกิด
คำ “หนั
งตะลุ
ง” ขึ
น เพื่
อไม่
ให้
ซ้
ำกั
บหนั
งใหญ่ ซึ่
งแต่
เดิ
เรี
ยกว่
า “หนั
ง” เช่
นเดี
ยวกั
น หนั
งจากภาคใต้
เข้
าไปเล่
ในกรุ
งเทพฯ ครั
งแรกในสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระนั่
งเกล้
เจ้าอยู
่หั
ว โดยพระยาพั
ทลุ
ง (เผือก) นำไปเล่นแถวนางเลิ ้ง
หนั
งที่
เข้าไปครั
้งนั
้นเป็
นนายหนั
งจากจั
งหวั
ดพั
ทลุ
ง คนกรุ
งเทพฯ
จึงเรียก “หนั
งพั
ทลุ
ง” ต่
อมาเสียงเพี้ยนเป็
น “หนั
งตะลุ
ง”
หนั
งตะลุ
งเป็
นการเล่
าเรื่
องราวที่
ผู
กร้
อยเป็
นนิ
ยาย
ดำเนิ
นเรื่
องด้
วยบทร้
อยกรองที่
ขั
บร้
องเป็
นสำเนี
ยงท้
องถิ่
หรือที่
เรียกกั
นว่าการ “ว่าบท” มีบทสนทนาแทรกเป็
นระยะ
หนั
งตะลุ
และใช้
การแสดงเงาบนจอผ้
าเป็
นสิ่
งดึ
งดู
ดสายตาของผู
ชม
ซึ่
งการว่
าบท การสนทนา และการแสดงเงานี้ นายหนั
งตะลุ
เป็
นคนแสดงเองทั
้งหมด
อุ
ปกรณ์
ที่
ใช้
ในการแสดงหนั
งตะลุ
งที่
สำคั
ญ ได้
แก่
จอหนั
ง ไฟสำหรั
บใช ้
ส่
องแสง เคร ื่
องดนตร ี
หนั
งตะลุ
ประกอบด้
วย ปี ่
ใน โหม่
ง ทั
บ กลองตุ
ก ฉิ่
ง และแตระ
โดยมีนั
กดนตรีเรียกว่า “ลู
กคู
่” ทำหน้าที่
บรรเลงขณะแสดง
ในบรรดาเครื่
องดนตรีทั
้งหมด “ทั
บ” เป็
นเครื่
องกำกั
บจั
งหวะ
และท่
วงทำนองที่
สำคั
ญที่
สุ
ด ผู
บรรเลงดนตร ี
ชิ
นอื่
นๆ
ต้องคอยฟั
งและยั
กย้ายจั
งหวะตามเพลงทั
ส่
วนรู
ปหนั
งที่
ใช้
ในการแสดงประกอบด้
วย รู
ปฤๅษี
รู
ปพระอิ
ศวร รู
ปเจ้
าเมือง-นางเมือง รู
ปพระเอก-นางเอก
รู
ปเทวดา รู
ปยั
กษ์ รู
ปตั
วตลก และรู
ปต่างๆ ซึ่
งจะเก็
บไว้ใน
“แผงหนั
ง” โดยในส่
วนของตั
วหนั
งนี
้ “ตั
วตลกหนั
งตะลุ
ง”
เป็
นตั
วละครที่
มี
ความสำคั
ญอย่
างยิ่
ง และเป็
นตั
วละครที่
“ขาดไม่
ได้
” สำหรั
บการแสดงหนั
งตะลุ
ง บทตลกคือเสน่
ห์
หรื
อสี
สั
น ที่
นายหนั
งจะสร้
างความประทั
บใจให้
กั
บคนดู
เมื่
อการแสดงจบลง สิ่
งที่
ผู
ชมจำได้ และยั
งเก็
บไปเล่าต่อก็
คือบทตลก นายหนั
งตะลุ
งคนใดที่
สามารถสร้างตั
วตลกได้มี
ชี
วิ
ตชี
วาและน่
าประทั
บใจ สามารถทำให้
ผู
ชมนำบทตลก
นั
นไปเล่
าขานต่
อได้
ไม่
รู
จบ ก็
ถื
อว่
าเป็
นนายหนั
งที่
ประสบ
ความสำเร็
จในอาชีพโดยแท้จริง
หนั
งตะลุ
ง นอกจากจะให้
ความบั
นเทิ
งต่
อผู
ชมแล้
สิ่
งที่
ทำให้หนั
งตะลุ
งได้รั
บความนิยมจากอดีตถึงปั
จจุ
บั
น คือ
ปฏิภาณไหวพริบของนายหนั
งตะลุ
งที่
นำเรื่
องราวทางสั
งคม
มาใช้ในการแสดงถ่ายทอดผ่านรู
ปหนั
ง เป็
นคุ
ณค่าที่
สะท้อน
ให้
เห็
นถึ
งบุ
คลิ
กนิ
สั
ยของคนใต้
ที่
ให้
ความสนใจเกี่
ยวกั
เหตุ
การณ์
บ้
านเมื
อง หนั
งตะลุ
งจึ
งมี
ความผู
กพั
นกั
บสั
งคม
วั
ฒนธรรมของชาวใต้
มาทุ
กยุ
คสมั
ย ตั
วอย่
างหนั
งตะลุ
ที่
โดดเด่
น เช่
หนั
งอิ่
มเท่
ง จิ
ตต์
ภั
กดี หนั
งฉิ
น อรมุ
หนั
งสุ
ชาติ ทรั
พย์สิน หนั
งนครินทร์
ชาทอง
ศิลปินแห่งชาติ
หนั
งศรีพั
ฒน์
เกื้อสกุ
ล หนั
งณรงค์
ตะลุ
งบั
ณฑิต