Page 71 - dcp5

Basic HTML Version

62
ภาษามานิ
(ซาไก)
เรี
ยบเรี
ยงโดย ชุ
มพล โพธิ
สาร
คำ
�ว่
า “มานิ
” แปลว่
าคน คนทั่
วไปจะรู้
จั
กในนาม เงาะป่
าหรื
อซาไก อาศั
ยอยู่
ในป่
าเทื
อกเขาบรรทั
ด ในเขต
จั
งหวั
ด ตรั
ง สตู
ลและพั
ทลุ
ง มี
ประชากรโดยประมาณ ๓๐๐ คน นั
กวิ
ชาการด้
านโบราณคดี
เชื่
อว่
า “มานิ
” เป็
นกลุ่
ชาติ
พั
นธุ์
ดั้
งเดิ
มที่
อาศั
ยอยู่
ในพื้
นที่
เอเชี
ยตะวั
นออกเฉี
ยงใต้
มากว่
าหมื
นปี
และยั
งคงดำ
�รงอยู่
กระทั่
งปั
จจุ
บั
น โดยเฉพาะ
เอกลั
กษณ์
ทางวั
ฒนธรรมของมานิ
ที่
เรี
ยกว่
าวั
ฒนธรรมแบบหาของป่
า-ล่
าสั
ตว์
โดยลั
กษณะทางวั
ฒนธรรมแบบนี้
เป็
ลั
กษณะทางวั
ฒนธรรมที่
เน้
นปรั
บตั
วให้
อยู่
ร่
วมกั
บระบบนิ
เวศวิ
ทยาทางธรรมชาติ
โดยใช้
ความรู้
ภู
มิ
ปั
ญญาการดำ
�รง
ชี
วิ
ตในป่
า เช่
น ความรู้
ด้
านการล่
าสั
ตว์
การทำ
�กระบอกไม้
ซางและลู
กดอกอาบยาพิ
ษ การรู้
จั
กสรรพคุ
ณต่
างๆ ของพื
ความรู้
เรื่
องนิ
สั
ยสั
ญชาตญาณและธรรมชาติ
ของสั
ตว์
ประเภทต่
างๆ รวมทั้
งความรู้
ภู
มิ
ปั
ญญาของป่
า โลกทั
ศน์
ของการ
ใช้
ชี
วิ
ตอยู่
ในป่
า สิ่
งเหล่
านี้
เป็
นทั้
งความรู้
ภู
มิ
ปั
ญญาและทั
กษะในการดำ
�รงชี
วิ
ต เป็
นวั
ฒนธรรมที่
ตกทอดมานั
บหมื่
นปี
และเป็
นกลุ่
มวั
ฒนธรรมที่
ปั
จจุ
บั
นในประเทศไทยมี
แค่
กลุ่
มมานิ
เท่
านั้
นที่
ยั
งคงรู
ปแบบวั
ฒนธรรมแบบดั
งกล่
าวไว้
ได้
ภาษามานิ
เป็
นภาษาในตระกู
ลออสโตรเอเชี
ยติ
ค สาขามอญ-เขมร กลุ่
มย่
อยอั
สเลี
ยน ภาษาในกลุ่
มย่
อยเดี
ยวกั
ที่
มี
ความใกล้
เคี
ยง ได้
แก่
ภาษากั
นซิ
ว ใน จั
งหวั
ดยะลาและภาษาจะฮาย ในจั
งหวั
ดนราธิ
วาส ภาษามานิ
มี
ลั
กษณะของ
ภาษากลุ่
มมอญ-เขมรที่
ชั
ดเจน โดยมี
พั
ญชนะต้
น (๒๒ ตั
ว) พยั
ญชนะสะกด (๑๓ ตั
ว)โดยเฉพาะอย่
างยิ่
งการใช้
ตั
วสะกด
จ ญ ฮ และไม่
มี
เสี
ยงวรรณยุ
กต์
ตั
วอย่
างคำ
�ศั
พท์
ในภาษามานิ
เช่
มะเลง
= ป่
าทึ
บหรื
อป่
าดงดิ
บ,
บาแอด
= คำ
�ที่
มี
ความหมายในทางที่
ดี
อร่
อย ดี
สวย,
แมด
= ตา,
มอฮ
= จมู
ตะกบ
= หั
วมั
นป่
า ไวยากรณ์
ภาษามานิ
โดยทั่
วไปมี
การ
เรี
ยงคำ
�ในลั
กษณะ ประธาน – กริ
ยา - กรรม เช่
นเดี
ยวกั
บกลุ่
มภาษามอญ-เขมรอื่
นๆ เช่
นประโยคว่
นะ ฮาว ตะกบ
<แม่
-กิ
น-หั
วมั
นป่
า> = แม่
กิ
นหั
วมั
นป่
า ประโยคปฏิ
เสธ เช่
นประโยค
อิ
ง เอยบะ แดง ตะเอาะ
<ฉั
น-ไม่
-เห็
น-เสื
อ>
= ฉั
น ไม่
(เคย)เห็
นเสื
อ ภาษามานิ
มี
ลั
กษณะทางภาษาที่
มี
เสี
ยงพยั
ญชนะท้
ายเป็
นเสี
ยงกั
กที่
เส้
นเสี
ยงเป็
นจำ
�นวนมาก
ในภาษามานิ
จะไม่
มี
คำ
�ด่
าหรื
อคำ
�พู
ดหยาบคาย ไม่
มี
คำ
�ที่
แสดงถึ
งชนชั้
นฐานะทางสั
งคม
เท่
าที่
มี
การสำ
�รวจข้
อมู
ลประชากรมานิ
พบว่
าปั
จจุ
บั
นมานิ
มี
ประชากรอยู่
เพี
ยง ๓๐๐ คนเท่
านั้
น พื้
นที่
ที่
อยู่
อาศั
ของมานิ
อยู่
ในเขตป่
าเทื
อกเขาบรรทั
ดในพื้
นที่
จั
งหวั
ดตรั
ง สตู
ลและพั
ทลุ
ง แม้
ว่
ายั
งมี
มานิ
จำ
�นวนหนึ่
งที่
ยั
งดำ
�รงชี
วิ
ตอยู่
ในป่
ามี
การติ
ดต่
อกั
บกลุ่
มคนภายนอกน้
อยและยั
งคงรั
กษาภาษาและวั
ฒนธรรมของตนไว้
ได้
แต่
ก็
มี
มานิ
อี
กหลายกลุ่
มที่
ไม่
สามารถดำ
�รงชี
วิ
ตในป่
าได้
อี
กต่
อไปเนื่
องจากสภาพพื้
นที่
ขาดความอุ
ดมสมบู
รณ์
ทำ
�ให้
ต้
องปรั
บเปลี่
ยนวิ
ถี
ชี
วิ
ตให้
เข้
กั
บวั
ฒนธรรมภายนอก บางกลุ่
มเปลี่
ยนมาทำ
�ไร่
ข้
าว บ้
างก็
ทำ
�สวนยางพารา บางกลุ่
มรั
บจ้
าง บางกลุ่
มล่
าสั
ตว์
หรื
อหา
ของป่
ามาขาย การติ
ดต่
อกั
บผู้
คนภายนอกจึ
งทำ
�ให้
มานิ
มี
ความความรู้
สึ
ก “อาย” ที่
จะพู
ดภาษาตนเองและหั
นมาพู
ภาษาไทยถิ่
นใต้
ได้
คล่
องแคล่
วและไม่
สอนให้
ลู
กๆ หลานๆ พู
ดภาษามานิ
ปั
จจุ
บั
นในบางพื้
นที่
เด็
กๆ แทบพู
ดภาษาแม่
ของตนไม่
ได้
แล้
ว โดยเฉพาะในพื้
นที่
จั
งหวั
ดตรั
ง พื้
นที่
ป่
าไม้
ในเทื
อกเขาบรรทั
ดก็
ค่
อยๆ ลดลงเรื่
อยๆ สภาวะทางความ