Page 57 - dcp1

Basic HTML Version

48
ความเชื่
นายกาญจน์
กรณี
ย์
อาย ๗๐ ปี
ซึ่
งเป็
นไวยาวั
จกรของวั
ดตะปอนน้
อย และเป็
นประธานสภาวั
ฒนธรรมอำ
�เภอขลุ
เล่
าความเชื่
อของชาวตะปอนกั
บประเพณี
ชั
กเย่
อเกวี
ยน หรื
อชั
กเย่
อเกวี
ยนพระบาท สรุ
ปความเป็
นประเด็
นได้
ว่
๑. ผ้
าพระบาท เป็
นผ้
ากว้
าง ๑.๕ เมตร ยาว ๗ เมตร บนผ้
าเขี
ยนรอยพระบาทจำ
�ลอง ๔ รอยซ้
อนกั
นบนผื
นผ้
ตามตำ
�นานเชื่
อกั
นว่
ารอยพระบาท ๔ รอยนี้
เป็
นตั
วแทนของพระพุ
ทธเจ้
า ๔ พระองค์
รอยนอกใหญ่
สุ
ด เป็
นรอยพระบาท
ของพระกุ
ตสั
นโธ รอยที่
สองเล็
กลงมาเป็
นรอยของพระโคนาดม รอยที่
สามเป็
นรอยของพระกั
สสปะ และรอยที่
สี่
เล็
กที่
สุ
เป็
นรอยของพระศาสนโคดมหรื
อ พระพุ
ทธเจ้
า ชาวบ้
านเชื่
อกั
นว่
าผ้
าพระบาทเป็
นของสู
ง ที่
ชาวบ้
านต้
องเคารพสั
กการะ
บู
ชา
๒. ที่
มาของผ้
าพระบาทจำ
�ลอง ผ้
าพระบาทจำ
�ลองนี้
นำ
�มาจากวั
ดช้
างไห้
จั
งหวั
ดปั
ตตานี
อั
ญเชิ
ญมาทางเรื
อขึ้
นฝั่
ที่
บ้
านคลองยายดำ
� และมี
การฉลอง ๗ วั
น ๗ คื
น จากนั้
นนำ
�มาประดิ
ษฐานไว้
ที่
วั
ดตะปอนน้
อย พอถึ
งเทศกาลสงกรานต์
ของทุ
กปี
ก็
จะนำ
�มาทำ
�บุ
ญและใช้
ในประเพณี
การชั
กเย่
อเกวี
ยนพระบาท
๓. เกวี
ยนพระบาทที่
บรรทุ
กผ้
าที่
เขี
ยนรอยพระบาทพระพุ
ทธเจ้
า ถื
อกั
นว่
าเป็
นของศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ชาวตะปอนมี
ความ
ศรั
ทธา และปราถนาจะเข้
ามาร่
วมขบวนแห่
ร่
วมกั
นดึ
ง ลากเกวี
ยนพระบาท เพราะเชื่
อกั
นว่
าทำ
�แล้
วจะเกิ
ด ความเป็
สิ
ริ
มงคลแก่
ตนเองและครอบครั
ว เป็
นการแสดงและปลู
กฝั
งความสามั
คคี
ของคนในท้
องถิ่
๔. ในสมั
ยก่
อนเชื่
อว่
า รอยพระบาท ๔ รอยที่
เขี
ยนบนผื
นผ้
าใส่
เกวี
ยนแห่
และตี
กลองฆ้
องสนั่
นไปทั่
วหมู่
บ้
าน
สามารถรั
กษาโรคภั
ยไข้
เจ็
บต่
างๆ ที่
เป็
นโรคระบาดในท้
องถิ่
นได้
ซึ่
งสอดคล้
องกั
บคำ
�บอกเล่
าของผู้
สู
งอายุ
ในท้
องถิ่
นอี
กคน
คื
อ ผู้
ใหญ่
แปลก ปิ
ตาคุ
ณ อดี
ตผู้
ใหญ่
บ้
าน หมู่
ที่
๒ ตำ
�บลตะปอน อำ
�เภอขลุ
ง จั
งหวั
ดจั
นทบุ
รี
( เกิ
ด พ.ศ. ๒๔๓๐ มรณะ
พ.ศ. ๒๕๒๐) เล่
าให้
ฟั
งว่
า เกิ
ดโรคห่
าระบาดทั่
วไปในหมู่
บ้
านและตำ
�บล ผู้
คนล้
มตายมากมาย เป็
นที่
น่
าเวทนา ท่
านพ่
อเพชร
เจ้
าคณะแขวงเมื
องขลุ
งในขณะนั้
น (เจ้
าอธิ
การเพชร อิ
นทปั
ญโญ เจ้
าคณะแขวงเมื
องขลุ
ง: พ.ศ. ๒๔๒๕ ถึ
ง พ.ศ.๒๔๕๗ :
ข้
อมู
ลศาสนสถาน วั
ดตะปอนใหญ่
) ได้
แนะนำ
�ให้
นำ
�ผ้
าพระบาทออกแห่
แหนไปทั่
วทั้
งตำ
�บล เมื่
อชาวบ้
านได้
ทำ
�ตาม
คำ
�แนะนำ
�ของท่
านพ่
อเพชรแล้
ว ปรากฏว่
า โรคห่
าได้
หายไปจากหมู่
บ้
าน ตำ
�บล ต่
อมา ประมาณ ปี
พ.ศ. ๒๔๖๑ ได้
เกิ
โรคห่
า (กาฬโรคและไข้
ทรพิ
ษ) ระบาดขึ
นอี
กครั
งในตำ
�บลตะปอน ผู
คนล้
มป่
วยกั
นมากมาย ถึ
งขนาดต้
องใช้
ใบตองกล้
วยรองนอน
(ปรากฏในจดหมายที่
พระมหามงคล ได้
ถวายรายงานไปยั
ง สมเด็
จพระเจ้
าบรมวงศ์
เธอกรมพระยาวชิ
รญาณวโรรส
เมื่
อวั
นที่
๖ ธั
นวาคม พ.ศ. ๒๔๖๑ เรื่
องการเปิ
ดสำ
�นั
กเรี
ยนในจั
งหวั
ดจั
นทบุ
รี
ว่
า “.....เกล้
ากระหม่
อมได้
เปิ
ดการเรี
ยนขึ้
๒ สำ
�นั
ก คื
อที่
วั
ดจั
นทนารามแห่
ง ๑ มี
นั
กเรี
ยน ๒๕ รู
ป ที่
วั
ดตะปอนน้
อยอี
กแห่
งหนึ่
ง มี
นั
กเรี
ยน ๒๑ รู
ป............แต่
ตำ
�บลนี้
พระชำ
�นาญในทางหนั
งสื
อมี
น้
อย ชั้
นต้
นจึ
งมี
นั
กเรี
ยนเพี
ยง ๒๑ รู
ป เผอิ
ญมาในศกนี้
มี
โรคภั
ยไข้
เจ็
บมาก ทั้
งกาฬโรคและ
โรคไข้
ธรรมดา.....”) ท่
านพระครู
บุ
รณสถานสั
งฆกิ
จ (ท่
านพ่
อจิ่
น) เจ้
าอาวาสวั
ดตะปอนน้
อยในขณะนั้
น ซึ่
งต่
อมาได้
ย้
ายไป
จำ
�พรรษาที่
วั
ดวั
นยาวบน และได้
รั
บการแต่
งตั้
งเป็
นเจ้
าคณะแขวงเมื
องขลุ
งจึ
งได้
นำ
�ผ้
าพระบาทออกแห่
แหนรอบตำ
�บลอี
ครั้
งหนึ่
ง แล้
วเกิ
ดเหตุ
อั
ศจรรย์
โรคร้
ายต่
างๆ ได้
หายไปจากตำ
�บลตะปอนจนหมดสิ้
นอี
กครั้
งหนึ่
ง ทำ
�ให้
ประชาชนทั้
งใน
ตำ
�บลตะปอนและตำ
�บลใกล้
เคี
ยงเกิ
ดพลั
งศรั
ทธาในความศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ของผ้
าพระบาท ทำ
�ให้
เกิ
ดประเพณี
แห่
ผ้
าพระบาท และ
ชั
กเย่
อเกวี
ยนพระบาทขึ้
นมา จนทุ
กวั
นนี้