Page 34 - dcp1

Basic HTML Version

25
โคมลอยลอดห่
วง
เรี
ยบเรี
ยงโดย ชั
ยสิ
ทธิ์
ดำ
�รงวงศ์
เจริ
จุ
ดกำ
�เนิ
ดและประวั
ติ
พุ
ทธตำ
�นานโบราณเชื่
อกั
นว่
า เมื่
อเทศกาลเข้
าพรรษาพระพุ
ทธเจ้
าได้
เสด็
จขึ้
นสู่
สวรรค์
ชั้
นดาวดึ
งส์
เพื่
อแสดงธรรม
ให้
เหล่
าเทวดา นางฟ้
าทั้
งหลาย และจะเสด็
จกลั
บลงมาสู่
โลกมนุ
ษย์
ในวั
นออกพรรษา ซึ่
งตรงกั
บวั
นขึ้
น ๑๕ คํ่
าเดื
อน ๑๑
ดั
งนั้
น พุ
ทธศาสนิ
กชนจึ
งได้
จั
ดพิ
ธี
ต้
อนรั
บและสั
กการะ โดยการจุ
ดประทั
ด โคมลอย โคมลมเฉลิ
มฉลอง ซึ่
งการจุ
ดโคมลอย
นั้
นจะนิ
ยมเล่
นกั
นในระหว่
างช่
วงเข้
าพรรษาถึ
งเทศกาลออกพรรษาเท่
านั้
น เพื่
อป้
องกั
นไม่
เกิ
ดอั
นตรายหรื
อไฟไหม้
บ้
าน
เรื
อนผู้
คน ซึ่
งถ้
าเป็
นในฤดู
แล้
งหรื
อหน้
าร้
อน อาจจะลุ
กลามทำ
�ความเสี
ยหายให้
แก่
ชุ
มชนได้
และเป็
นวั
ฒนธรรมประเพณี
ที่
ส่
งเสริ
มให้
ประชาชน พุ
ทธศาสนิ
กชนในพื้
นที่
ได้
มารวมกั
นจำ
�นวนมากๆ ในการประกอบกิ
จกรรมทางศาสนา ต่
อมาได้
พั
ฒนาการจุ
ดโคมลอยมาเป็
นการแข่
งโคมลอยลอดห่
วง เพื่
อความสนุ
กสนาน ความรั
ก ความสามั
คคี
ของคนในชุ
มชน
ในช่
วงเทศกาลวั
นออกพรรษา
การนำ
�เข้
ามาในชุ
มชนและการพั
ฒนา
การแข่
งโคมลอยลอดห่
วง เริ่
มมี
การเล่
นแพร่
หลายในพื้
นที่
อำ
�เภอศรี
สมเด็
จ เมื่
อปี
พ.ศ. ๒๕๑๔ เมื่
อครั้
ง ๔๔ ปี
ที่
ผ่
านมาเมื่
อ นายบุ
ญถม สุ
ขกำ
�เนิ
ด ในขณะนั้
นได้
อุ
ปสมบทเป็
นพระภิ
กษุ
และจำ
�พรรษาอยู่
ที่
วั
ดบ้
านป่
าเม้
า ตำ
�บลเมื
อง
เปลื
อย อำ
�เภอศรี
สมเด็
จ จั
งหวั
ดร้
อยเอ็
ด ในสมั
ยนั้
น และเป็
นผู้
ที่
สนใจในการเล่
นโคมลอยมาตั้
งแต่
เมื่
อครั้
งยั
งเป็
นเด็
ก ซึ่
ได้
ศึ
กษาเรี
ยนรู้
เทคนิ
ควิ
ธี
การทำ
�โคมลอยจาก นายเหลื
อ มนตรี
โพธิ์
ซึ่
งเป็
นตา ปั
จจุ
บั
นเสี
ยชี
วิ
ตแล้
ว ซึ่
งในชุ
มชนตำ
�บลเมื
อง
เปลื
อย เมื่
อเริ่
มเข้
าสู่
เทศกาลเข้
าพรรษา ในวั
นศี
ล (วั
นพระ) ไม่
ว่
าจะเป็
น วั
นพระ ๘ คํ่
า หรื
อวั
นพระ ๑๕ คํ่
า พุ
ทธศาสนิ
กชน
คนหนุ่
มคนสาว ที่
มาเข้
าวั
ดฟั
งเทศน์
และปฏิ
บั
ติ
ธรรม ก็
จะมี
การปล่
อยโคมลอยให้
ลอยขึ้
นสู่
ท้
องฟ้
า เพื่
อเป็
นพุ
ทธบู
ชาและ
เพื่
อความสวยงามสนุ
กสนานกั
นในหมู่
ชุ
มชน หลวงพ่
อบุ
ญถม (พระบุ
ญถม ) จึ
งคิ
ดริ
เริ่
มที่
จะให้
พุ
ทธศาสนิ
กชนคนหนุ่
มคน
สาวจากต่
างหมู่
บ้
านได้
เข้
ามาร่
วมกิ
จกรรมเข้
าวั
ดฟั
งเทศน์
กั
นมากๆ และเพื่
อสร้
างความรั
กความสามั
คคี
ของกลุ่
มชุ
มชนใกล้
เคี
ยง อี
กทั้
งยั
งเป็
นการหารายได้
เพื่
อทะนุ
บำ
�รุ
งพระพุ
ทธศาสนา จากกิ
จกรรมการเล่
นโคมลอย จึ
งพั
ฒนาการเล่
นโคมลอยจาก
ที่
ปล่
อยของใครของมั
นให้
ลอยขึ้
นสู่
ท้
องฟ้
าเฉยๆ ให้
มี
การแข่
งโดยปล่
อยโคมลอย ให้
ลอดห่
วงที่
กำ
�หนดไว้
ตั้
งกติ
กาการเข้
แข่
งจะต้
องเสี
ยเงิ
นค่
าสมั
คร มี
คณะกรรมการคื
อผู้
เฒ่
าผู้
แก่
ในชุ
มชน เป็
นผู้
ตั
ดสิ
น และมี
รางวั
ลให้
สำ
�หรั
บผู้
ที่
สามารถปล่
อย
โคมลอยของตั
วเองลอยเข้
าไปในห่
วงได้
เงิ
นค่
าสมั
ครที่
เหลื
อ จากการให้
เป็
นรางวั
ลก็
จะถวายเป็
นปั
จจั
ยเพื่
อบำ
�รุ
งวั
ดต่
อไป
จากจุ
ดเริ่
มต้
นดั
งกล่
าวก็
เกิ
ดมี
การพั
ฒนาและแพร่
หลาย ออกไปในต่
างชุ
มชน มี
การแลกเปลี่
ยนหมุ
นเวี
ยนการแข่
งไปยั
งวั
หมู่
บ้
าน และชุ
มชนที่
ห่
างไกลออกไป ทั้
งในเขตอำ
�เภอศรี
สมเด็
จและอำ
�เภอใกล้
เคี
ยง ที่
มี
เครื
อญาติ
ไปมาหาสู่
กั
น เช่
ที่
บ้
านหนองสี่
มุ
ม ตำ
�บลหนองแวงควง บ้
านดอนทราย ตำ
�บลหนองใหญ่
แพร่
หลายไปถึ
งอำ
�เภอวาปี
ปทุ
ม อำ
�เภอแกดำ
จั
งหวั
ดมหาสารคาม