Page 18 - dcp1

Basic HTML Version

9
งู
กิ
นหาง
เรี
ยบเรี
ยงโดย สุ
จริ
ต บั
วพิ
มพ์
และ รองศาสตราจารย์
ชั
ชชั
ย โกมารทั
งู
กิ
นหางเป็
นการเล่
นพื้
นเมื
องเก่
าของไทยทางภาคกลาง เป็
นการเล่
นเลี
ยนแบบลั
กษณะท่
าทางการเคลื่
อนที่
ของงู
ที่
มี
ลั
กษณะลำ
�ตั
วยาวและเลื้
อยคดเคี้
ยวไปมา สมั
ยก่
อนนิ
ยมเล่
นกั
นทั่
วไปแทบทุ
กจั
งหวั
ด เช่
นประจวบคี
รี
ขั
นธ์
กรุ
งเทพฯ ธนบุ
รี
นนทบุ
รี
พระนครศรี
อยุ
ธยา ปราจี
นบุ
รี
ตราด และลพบุ
รี
ไม่
ปรากฏหลั
กฐานว่
ามี
การเล่
นงู
กิ
นหางกั
นมาตั้
งแต่
เมื่
อใด
แต่
พบการเล่
นงู
กิ
นหางว่
ามี
การเล่
นกั
นมาแล้
วในสมั
ยรั
ชกาลที่
๖ ดั
งจะเห็
นได้
จากการเล่
นกี
ฬาต่
าง ๆ ที่
จั
ดให้
มี
ขึ้
นในงานตรุ
สงกรานต์
ณ จั
งหวั
ดพระนครศรี
อยุ
ธยา เมื่
อ พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้
จั
ดให้
มี
การเล่
นงู
กิ
นหางด้
วย (สยามออบเซอร์
เวอร์
, ๖ เมษายน
๒๔๗๕) นอกจากนี้
ใน พ.ศ. ๒๔๗๕ ยั
งพบว่
าการเล่
นงู
กิ
นหางได้
แพร่
หลายไปยั
งจั
งหวั
ดต่
าง ๆ แล้
ว ดั
งปรากฏหลั
กฐาน
ว่
ามี
การแข่
งขั
นงู
กิ
นหางกั
นในงานกรี
ฑาเนื่
องในโอกาสเฉลิ
มพระชนม์
พรรษาพระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
ว รั
ชกาลที่
ณ จั
งหวั
ดกระบี่
(บั
ญชี
รายชื่
อสิ่
งของผู
บริ
จาคให้
รางวั
ลแก่
นั
กเรี
ยนผู้
เข้
าแข่
งขั
นในการกรี
ฑาในงานเฉลิ
มพระชนมพรรษา
พ.ศ. ๒๔๗๕ จั
งหวั
ดกระบี่
, ๒๔๗๕) ด้
วย การเล่
นงู
กิ
นหางเป็
นการเล่
นสนุ
กสนานของชาวบ้
านสมั
ยก่
อน ซึ่
งมั
กจั
ดให้
มี
การ
เล่
นกั
นในงานตรุ
ษสงกรานต์
และงานเฉลิ
มฉลองต่
างๆ นอกจากนี้
ยั
งมี
การเล่
นเป็
นการออกกำ
�ลั
งกายในหมู่
ชาวบ้
านในโอกาส
ที่
มาช่
วยงานต่
างบ้
านหรื
อในยามว่
างจากการงานด้
วย งู
กิ
นหางไม่
เพี
ยงเป็
นกี
ฬาที่
เล่
นกั
นมากในภาคกลาง แต่
ยั
งเป็
นกี
ฬาที่
นิ
ยมเล่
นกั
นมากทั่
วทุ
กภาคของประเทศไทยทั้
งภาคเหนื
อ ภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ และภาคใต้
ด้
วย ปั
จจุ
บั
นการเล่
นงู
กิ
หางยั
งคงมี
เล่
นกั
นอยู่
โดยทั่
วไป แต่
ผู้
ใหญ่
ไม่
ใคร่
นิ
ยมเล่
นกั
นแล้
ว คงมี
แต่
เด็
กๆ เล่
นกั
งู
กิ
นหางสะท้
อนถึ
งกริ
ยาอาการที่
งู
เลื้
อยเคลื่
อนที่
คดไปคดมา เป็
นวิ
ถี
ชี
วิ
ตจริ
งของชาวบ้
านในภาคกลางของไทย
ที่
ประกอบอาชี
พหลั
กในการเกษตร ทำ
�ไร่
ทำ
�สวน ทำ
�ให้
ต้
องพบเห็
นงู
ซึ่
งเป็
นสั
ตว์
ที่
มี
อยู่
มากมายหลายชนิ
ดในประเทศไทย
โดยมี
วิ
ธี
เล่
นที่
หั
วแถววิ่
งไล่
จั
บหางแถว เปรี
ยบเสมื
อนหั
วงู
เคลื่
อนที่
ไล่
กั
ดกิ
นหางงู
เป็
นการเล่
นที่
ไม่
พบเห็
นในประเทศอื่
นั
บเป็
นเอกลั
กษณ์
ไทยที่
สะท้
อนให้
เห็
นถึ
งภู
มิ
ปั
ญญาไทยในการเลี
ยนแบบกิ
ริ
ยาท่
าทางของงู
ที่
เลื้
อยเคลื่
อนที่
คดไปคดมา
สามารถนำ
�มาใช้
เล่
นเพื่
อการผ่
อนคลายและสนุ
กสนานร่
วมกั
น และเป็
นการเรี
ยนรู้
ธรรมชาติ
ของงู
ในวิ
ถี
ชี
วิ
ตของชาวไทย
งู
กิ
นหางสามารถเล่
นได้
ทุ
กโอกาสที่
ว่
าง มั
กจั
ดให้
เล่
นและแข่
งขั
นกั
นในเทศกาลตรุ
ษสงกรานต์
หรื
องานเฉลิ
มฉลอง
ต่
างๆ เช่
น งานเฉลิ
มพระชนม์
พรรษาพระบาทสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
ว เป็
นต้
น เล่
นได้
ทั้
งชายและหญิ
งทั้
งเด็
ก ผู้
ใหญ่
และ
คนชรา จำ
�นวนผู้
เล่
นอย่
างน้
อยต้
องมี
ตั้
งแต่
๗-๘ คนขึ้
นไป เล่
นได้
ทั้
งชายและหญิ
ง ทั้
งเด็
ก ผู้
ใหญ่
และคนชรา สถานที่
เล่
บริ
เวณสนามหญ้
า ลานวั
ด ลานบ้
าน หรื
อบริ
เวณลานกว้
างทั่
วไป
วิ
ธี
เล่
อาจจำ
�แนกได้
เป็
น ๓ วิ
ธี
วิ
ธี
แรกเป็
นการเล่
นแบบ “กิ
นหางตั
วเอง” วิ
ธี
ที่
สองเป็
นการเล่
นแบบ “กิ
นหางตั
วอื่
น”
ส่
วนวิ
ธี
ที่
สามเป็
นการเล่
นแบบ “แม่
งู
กิ
นลู
กงู
” สองวิ
ธี
แรกน่
าจะเป็
นวิ
ธี
เล่
นแบบดั้
งเดิ
ม ส่
วนวิ
ธี
ที่
สามน่
าจะเป็
นวิ
ธี
เล่
นที่
ดั
ดแปลงขึ้
นภายหลั
ง เนื่
องจากพบหลั
กฐานว่
าสองวิ
ธี
แรกมี
การเล่
นกั
นมากและแพร่
หลายในเกื
อบทุ
กภาคของประเทศแล้
ในปี
พ.ศ. ๒๔๘๐ (กรมพลศึ
กษา, ๒๔๘๐)