Page 101 - dcp1

Basic HTML Version

92
ซี
ละ
เรี
ยบเรี
ยงโดย รองศาสตราจารย์
ชั
ชชั
ย โกมารทั
“ซี
ละ” เป็
นศิ
ลปะการต่
อสู้
ป้
องกั
นตั
ว เก่
าแก่
ที่
สุ
ดชนิ
ดหนึ่
งที่
เล่
นกั
นแพร่
หลายทั่
วไปในจั
งหวั
ดทางภาคใต้
โดยเฉพาะ
จั
งหวั
ดที่
อยู่
ใกล้
ชายแดนทางภาคใต้
เช่
น จั
งหวั
ดสตู
ล ปั
ตตานี
ยะลา นราธิ
วาสและสงขลา เป็
นต้
น ซี
ละมี
ชื่
อเรี
ยกแตกต่
าง
กั
นตามความนิ
ยมของท้
องถิ่
น เช่
น เรี
ยกว่
า สิ
หลาดบื
อซี
ละ ซซี
ละ ดี
กาหรื
อบื
อดี
กา หรื
อ ศี
ลั
ท ก็
มี
ในพจนานุ
กรมภาษา
ถิ่
นใต้
ให้
ความหมายคาว่
าซี
ละว่
า “หมายถึ
งการราต่
อสู้
ด้
วยมื
อเปล่
าแบบหนึ่
งของชาวมาลายู
คล้
ายมวย” เล่
ากั
นว่
า ซี
ละ
มี
กำ
�เนิ
ดขึ้
นที่
เมื
องเมกะในอาหรั
บสมั
ยก่
อนเมื่
อประมาณ ๔๐๐ ปี
ล่
วงมาแล้
ว โดยชาวอาหรั
บชื่
อไซลิ
นาอุ
เล็
นซึ่
งเป็
นทหารเอก
ของนาปี
มหะหมั
ด ศาสดาศาสนาอิ
สลามเป็
นผู้
ค้
นคิ
ดท่
าทางการต่
อสู้
ด้
วยมื
อเปล่
าขึ้
นเพื่
อไว้
ใช้
ในการสงคราม ต่
อมาจึ
มี
การใช้
ควบคู่
กั
บอาวุ
ธ เช่
น กริ
ชและกระบี่
เมื่
อวิ
ทยาการด้
านอาวุ
ธยุ
ทโธปกรณ์
เจริ
ญก้
าวหน้
ามากขึ้
น ความสำ
�คั
ญของวิ
ชา
ซี
ละในการทำ
�ศึ
กสงครามจึ
งลดน้
อยลง กลายเป็
นกี
ฬาที่
เล่
นกั
นเพื่
อเป็
นการออกกำ
�ลั
งกาย และฝึ
กไว้
สำ
�หรั
บป้
องกั
นตั
วใน
ยามมี
อั
นตรายหรื
อเหตุ
การณ์
คั
บขั
นเกิ
ดขึ้
น การเล่
นซี
ละได้
แพร่
หลายเข้
ามายั
งชวาแลแหลมมลายู
เนื่
องจากประชาชน
ส่
วนใหญ่
นั
บถื
อศาสนาอิ
สลามเหมื
อนกั
น สั
นนิ
ษฐานว่
าชาวมุ
สลิ
มจากประเทศอาหรั
บคงจะเป็
นผู้
นาเข้
ามาเผยแพร่
และได้
แพร่
หลายมายั
งประเทศไทยทางภาคใต้
ของประเทศในเวลาต่
อมา จากหลั
กฐานพบว่
าอย่
างน้
อยที่
สุ
ดมี
การเล่
นซี
ละ
กั
นแล้
ว ใน พ.ศ. ๒๔๗๐ ในงานฉลองโรงเรี
ยนประชาบาลของตำ
�บลสงคอใต้
อำ
�เภอมายอ จั
งหวั
ดปั
ตตานี
กี
ฬาซี
ละเป็
นกี
ฬา
ที่
เล่
นกั
นในหมู่
ชาวไทยมุ
สลิ
มทั้
งชายและหญิ
ง มั
กจั
ดให้
มี
การเล่
นกั
นในงานเข้
าสุ
นั
ต งานแต่
งงาน เทศกาลต่
างๆ รวมทั้
งานพิ
ธี
การต่
างๆ เช่
น พิ
ธี
ต้
อนรั
บแขกผู้
ใหญ่
ซี
ละมี
๒ ประเภท คื
อ ประเภทใช้
อาวุ
ธ คื
อ กริ
ช และไม่
ใช้
อาวุ
ธคื
อการต่
อสู้
ด้
วยมื
อเปล่
า ที่
นิ
ยมเล่
นกั
นมากคื
อประเภทไม่
ใช้
อาวุ
ธ ในปั
จจุ
บั
นยั
งมี
การเล่
นซี
ละโดยทั่
วไป
วิ
ธี
เล่
ก่
อนการเล่
นจะมี
นั
กดนตรี
บรรเลงดนตรี
ประโคมเรี
ยกความสนใจจากคนดู
ผู้
เล่
นทั้
ง ๒ คน จะแต่
งกายโดย
สวมเสื้
อคอกลมหรื
อคอตั้
ง นุ่
งกางเกงขายาว แล้
วสวมเสื้
อโสร่
งทั
บกางเกง มี
ผ้
าลื
อปั
กหรื
อเข็
มขั
ดคาดเอว โพกศี
รษะ สี
สั
อาจแตกต่
างกั
นตามความนิ
ยม เมื่
อแต่
งกายเรี
ยบร้
อยแล้
วจะไปยื
นอยู่
คนละฝั
งของสนามแล้
วเดิ
นเข้
ามาทำ
�ความเคารพซึ่
กั
นและกั
น เรี
ยกว่
า สลามมั
ด คื
อต่
างฝ่
ายต่
างสั
มผั
สมื
อกั
นแล้
วมาแตะที่
หน้
าผาก
ก่
อนการเล่
นจะมี
พิ
ธี
ไหว้
ครู
โดยผู้
เล่
นจะผลั
ดกั
นร่
ายรำ
�ตามรู
ปแบบที่
ได้
รํ่
าเรี
ยนมาคนละครั้
ง ขณะร่
ายรำ
�ไหว้
ครู
ผู้
เล่
นจะว่
าคาถาประกอบด้
วยเป็
นภาษาอาหรั
บเพื่
อขอพร ๔ ประการ คื
อ ขอให้
ปลอดภั
ยจากคู่
ต่
อสู้
ขออโหสิ
ให้
คู่
ต่
อสู้
ขอให้
เพื่
อนบ้
านรั
ก และขอให้
ผู้
ชมสนใจ ขณะร่
ายราไหว้
ครู
อยู่
นั้
นดนตรี
ก็
จะบรรเลงประกอบไปด้
วย
เมื่
อไหว้
ครู
จบลงแล้
ว ดนตรี
จะบรรเลงในจั
งหวะเร้
าใจ ทั้
งคู่
ก็
จะเดิ
นเข้
าต่
อสู้
กั
น โดยการใช้
มื
อตี
ฟาด ฟั
น ผลั
ก หรื
แทง ใช้
เท้
าเตะ หรื
อปั
ด จั
บกั
นดึ
งดั
นหาโอกาสทุ่
มหรื
อผลั
กให้
ฝ่
ายตรงข้
ามล้
มลงหรื
อปลํ้
ากอดรั
ดให้
แก้
ไม่
ออก การเล่
จะต้
องผลั
ดกั
นเป็
นฝ่
ายรุ
กและฝ่
ายรั
บคนละ ๔ ครั้
ง โดยผู้
เล่
นคนหนึ่
ง เป็
นฝ่
ายรุ
ก ๔ ครั้
ง อี
กคนหนึ่
งเป็
นฝ่
ายรั
บ ๔ ครั้
แล้
วผลั
ดกั
นเป็
นฝ่
ายรุ
กและฝ่
ายรั
บให้
ครบจำ
�นวนทั้
งรุ
กและรั
บคนละ ๔ ครั้
ง การเป็
นฝ่
ายรุ
กจะต้
องแสดงท่
ารุ
กต่
างๆ ให้
ฝ่
ายตรงข้
ามแพ้
ขณะเดี
ยวกั
นผู้
เป็
นฝ่
ายรั
บก็
จะปิ
ดป้
องหรื
อป้
องกั
นมิ
ให้
ฝ่
ายรุ
กกระทำ
�ถู
กร่
างกายตนได้
โดยง่
าย ในปั
จจุ
บั
นิ
ยมเล่
นแข่
งขั
นเป็
นยกๆ โดยการกำ
�หนดเวลาแต่
ละยกและกำ
�หนดจำ
�นวนยกที่
จะแข่
งขั
นกั
นไว้
ก่
อน