22
ลอยกระทง
รั
กษ์
น้ำ
� รั
กษ์
วั
ฒนธรรม
ในสมั
ยรั
ชกาลที่
๓ แห่
งกรุ
งรั
ตนโกสิ
นทร์
เป็
นช่
วงที่
บ้
านเมื
อง
มั่
นคง การศึ
กสงครามลดลงเกื
อบหมด การค้
าก็
มั่
งคั่
งขึ้
น โดยเฉพาะ
กั
บจี
น พระบาทสมเด็
จพระนั
่
งเกล้
าเจ้
าอยู
่
หั
ว จึ
งโปรดให้
ฟื
้
นฟู
ประเพณี
พิ
ธี
กรรมสำ
�คั
ญเพื่
อความอุ
ดมสมบู
รณ์
ของราชอาณาจั
กร
และด้
วยความจำ
�เป็
นในด้
านอื
่
น ๆ อี
ก จึ
งได้
ทรงพระราชนิ
พนธ์
หนั
งสื
อ
ตำ
�ราท้
าวศรี
จุ
ฬาลั
กษณ์
หรื
อ
นางนพมาศ
ขึ้
นมา โดย
สมมุ
ติ
ให้
ฉากของเรื่
องเกิ
ดขึ้
นในยุ
คพระร่
วงเจ้
ากรุ
งสุ
โขทั
ย ซึ่
งตำ
�รา
ดั
งกล่
าวได้
พู
ดถึ
งนางนพมาศว่
าเป็
นพระสนมเอกของพระร่
วง ที่
ได้
คิ
ดประดิ
ษฐ์
กระทงใบตองเป็
นรู
ปดอกบั
วกมุ
ทขึ
้
น ด้
วยเห็
นว่
าเป็
น
ดอกบั
วพิ
เศษที
่
บานในเวลากลางคื
นเพี
ยงปี
ละครั
้
ง สมควรทำ
�เป็
น
กระทงแต่
งประที
ป ลอยไปถวายสั
กการะรอยพระพุ
ทธบาท ซึ่
งเมื่
อ
พระร่
วงเจ้
าได้
ทอดพระเนตรเห็
นก็
รั
บสั่
งถามถึ
งความหมาย นางก็
ได้
ทู
ลอธิ
บายจนเป็
นที่
พอพระราชหฤทั
ย พระองค์
จึ
งมี
พระราชดำ
�รั
สว่
า
“
แต่
นี
้
สื
บไปเบื
้
องหน้
าโดยลำ
�ดั
บ กษั
ตริ
ย์
ในสยามประเทศ
ถึ
งกาลกำ
�หนดนั
กขั
ตฤกษ์
วั
นเพ็
ญเดื
อน ๑๒ ให้
ทำ
�โคมลอยเป็
น
รู
ปดอกบั
ว อุ
ทิ
ศสั
กการบู
ชาพระพุ
ทธบาทนั
มมทานที
ตราบเท่
า
กั
ลปาวสาน
” ด้
วยเหตุ
นี
้
จึ
งเกิ
ด
กระทง
ทำ
�ด้
วยใบตองแทน
วั
สดุ
อื
่
น ๆ แล้
วนิ
ยมใช้
ลอยกระทงมาแต่
คราวนั
้
นตราบจนทุ
กวั
นนี
้
รวมถึ
งการทำ
�
กระทงเป็
นรู
ปดอกบั
ว
ซึ
่
งตำ
�ราท้
าวศรี
จุ
ฬาลั
กษณ์
หรื
อนางนพมาศนี
้
กรมพระยาดำ
�รงราชานุ
ภาพทรงเชื
่
อว่
าเป็
น
พระราชนิ
พนธ์
ของพระบาทสมเด็
จพระนั่
งเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว