Page 56 - บูรพศิลปิน58

Basic HTML Version

41
บู
รพศิ
ลปิ
น พ.ศ. ๒๕๕๘
พระบาทสมเด็
จพระจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
บุ
คคลสำ
�คั
ญของโลก พุ
ทธศั
กราช ๒๕๔๗
พระราชสมภพ
๑๘ ตุ
ลาคม พ.ศ. ๒๓๔๗
สวรรคต
๑ ตุ
ลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑
ยุ
คสมั
รั
ตนโกสิ
นทร์
(รั
ชกาลที่
๒ - รั
ชกาลที่
๔)
พระราชประวั
ติ
และพระราขกรณี
ยกิ
พระบาทสมเด็
จพระจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว พระนามเดิ
“สมเด็
จพระเจ้
ลู
กเธอ เจ้
าฟ้
ามงกุ
ฎ”
เป็
นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธเลิ
ศหล้
านภาลั
และสมเด็
จพระศรี
สุ
ริ
เยนทราบรมราชิ
นี
เสด็
จพระราชสมภพเมื่
อวั
นที่
๑๘ ตุ
ลาคม
พ.ศ. ๒๓๔๗ ณ พระราชวั
งเดิ
ม ธนบุ
รี
พ.ศ. ๒๓๕๙ พระชนมพรรษา ๑๓ พรรษา โปรดให้
มี
พระราชพิ
ธี
โสกั
นต์
ครั้
งใหญ่
ณ พระที่
นั่
งดุ
สิ
ตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวั
ง และ
เมื่
อพระชนมพรรษา ๑๔ พรรษา ทรงพระผนวขเป็
นสามเณร แล้
วประทั
บจำ
�พรรษา ณ วั
ดมหาธาตุ
ยุ
วราชรั
งสฤษฎิ์
ทรงพระผนวชอยู่
๗ เดื
อน จึ
งลาผนวช ทรงศึ
กษาวิ
ชาความรู้
ต่
างๆ สำ
�หรั
บพระราชกุ
มาร เช่
น การฝึ
กหั
ดอาวุ
ธ และ
วิ
ชาคชกรรม
พ.ศ. ๒๓๖๗ พระชนมพรรษาครบ ๒๑ พรรษา ทรงพระผนวช ณ วั
ดพระศรี
รั
ตนศาสดาราม มี
พระนาม
ฉายาว่
“วชิ
รญาโน”
เสด็
จไปประทั
บแรมที่
วั
ดมหาธาตุ
ยุ
วราชรั
งสฤษฎิ์
๓ วั
น แล้
วเสด็
จไปจำ
�พรรษา ณ วั
ดราชาธิ
วาส
ได้
๑๕ วั
น พระบาทสมเด็
จพระพุ
ทธเลิ
ศนภาลั
ยเสด็
จสวรรคต พระบรมวงศานุ
วงศ์
และเสนาบดี
ได้
อั
ญเชิ
ญพระเจ้
าลู
กเธอ
กรมหมื่
นเจษฎาบดิ
นทร์
พระราชโอรสองค์
ใหญ่
ขึ้
นครองสิ
ริ
ราชสมบั
ติ
ต่
อมา จึ
งเป็
นเหตุ
ให้
พระบาทสมเด็
จพระจอมเกล้
เจ้
าอยู่
หั
วทรงดำ
�รงอยู่
ในสมณเพศต่
อไป
ขณะที่
ทรงพระผนวชอยู่
นั้
น ได้
ทรงศึ
กษาภาษาบาลี
พระปริ
ยั
ติ
ธรรม ทรงสอบได้
เปรี
ยญ ๕ ประโยค และ
ทรงเชี่
ยวชาญรอบรู้
พระไตรปิ
ฎกอย่
างแตกฉาน เมื่
อ พ.ศ. ๒๓๗๒ พระบาทสมเด็
จพระนั่
งเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
วพระราชทาน
เลื่
อนเป็
นพระราชาคณะ ต่
อมาทรงจั
ดตั้
งคณะสงฆ์
ขึ้
นใหม่
เรี
ยกว่
“ธรรมยุ
ติ
กนิ
กาย”
เมื่
อ พ.ศ. ๒๓๗๙ พระบาทสมเด็
จพระนั่
งเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
วทรงอาราธนาให้
มาครองวั
ดบวรนิ
เวศวิ
หาร
พระอารามแห่
งใหม่
ที่
สร้
างแล้
วเสร็
จ ทรงจั
ดระเบี
ยบการคณะสงฆ์
การปกครองวั
ด ทรงคิ
ดค้
นตั
วอั
กษรอริ
ยกะเพื่
ใช้
พิ
มพ์
ตำ
�ราภาษาบาลี
ทรงตั้
งโรงพิ
มพ์
ของคนไทยแห่
งแรกที่
วั
ดบวรนิ
เวศวิ
หาร ตลอดจนโปรดให้
ตี
พิ
มพ์
หนั
งสื
อทาง
พุ
ทธศาสนาขึ้
นหลายเล่
ในระหว่
างที่
ทรงพระผนวช ทรงศึ
กษาภาษาละติ
นกั
บสั
งฆราชปาเลอกั
วซ์
และภาษาอั
งกฤษจาก ดร. บรั
ดเลย์
ดร. เรโนลด์
เฮ้
าส์
และมิ
สเตอร์
แคสเวล ทำ
�ให้
พระองค์
ทรงศึ
กษาวิ
ทยาการความก้
าวหน้
าของตะวั
นตกหลายสาขา เช่
วิ
ชาภู
มิ
ศาสตร์
คณิ
ตศาสตร์
และดาราศาสตร์
จนทรงรอบรู้
อย่
างแตกฉาน
พระบาทสมเด็
จพระจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว โปรดการเสด็
จธุ
ดงค์
ไปตามหั
วเมื
องต่
างๆ เป็
นผลให้
ทอดพระเนตร
สภาพบ้
านเมื
องและความเป็
นอยู่
ของราษฎร ทำ
�ให้
เมื่
อ พ.ศ. ๒๓๗๖ ทรงพบศิ
ลาจารึ
กหลั
กที่
๑ ของพ่
อขุ
นรามคำ
�แหง
มหาราช จารึ
กหลั
กที
๔ ของพญาลิ
ไทย และพระแท่
นมนั
งคศิ
ลาบาตร จึ
งโปรดให้
นำ
�มาไว้
ที่
วั
ดราชาธิ
วาส ด้
วยพระปรี
ชา
สามารถด้
านอั
กษรศาสตร์
และความสนพระราชหฤทั
ยด้
านประวั
ติ
ศาสตร์
จึ
งทรงสามารถอ่
านจารึ
กดั
งกล่
าวได้
นั
บเป็
นการวางรากฐานการศึ
กษาด้
านอั
กษรโบราณ ประวั
ติ
ศาสตร์
และโบราณคดี
ที่
สำ
�คั
สมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์